เมื่อเย็นวันที่ 4 ธันวาคม ที่เวทีปราศรัย สนามกีฬาโรงเรียนนครพนมวิทยาคม เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีของพรรครวมถึงตัวแทน ส.ส.จากภาคเหนือ อีสาน กลาง และใต้ เดินทางมาร่วมเวทีปราศรัย เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง พร้อมประกาศจุดยืนสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส. ในสมัยหน้า โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 1 พื้นที่ อ.ศรีสงคราม อ.นาทม อ.นาหว้า และ อ.บ้านแพง มีการเปิดตัวผู้สมัครหน้าใหม่ คือ นางพูนสุข โพธิ์สุ หรือ ครูตุ่น อดีตข้าราชการครู และเป็นอดีตรองนายก อบจ.นครพนม ภรรยาของ สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย หลังจาก ครูแก้ว ประกาศย้ายเขตเลือกตั้งจากเขต 1 เตรียมลงสมัคร ในเขตเลือกตั้งที่ 2 อ.เมือง อ.ท่าอุเทน และ อ.โพนสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ดร.มนพร เจริญศรี ส.ส. เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นแชมป์เก่าและแกนนำ ส.ส.คนสำคัญของพรรคเพื่อไทยภาคอีสาน เพื่อหวังล้มแชมป์เก่า และกวาดที่นั่งให้กับพรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่ จ.นครพนม ทั้ง 4 เขต
ทั้งนี้ เขตเลือกตั้งที่ 3 อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร และ อ.เมืองนครพนมบางส่วน ได้เปิดตัว นพ.อลงกต มณีกาศ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อแผ่นดิน หลังมีการย้ายพรรคไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่สอบตกและหันมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เตรียมสู้ศึกเขตเลือกตั้งที่ 3 นอกจากนี้ในเขตเลือกตั้งที่ 4 อ.นาแก อ.วังยาง และ อ.ปลาปาก เปิดตัว นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย หลังย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาแต่สอบตก จึงหันมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง สมัยหน้า ในเขตเลือกตั้งที่ 4 โดยในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร มีประชาชน จากพื้นที่ 12 อำเภอ รวม 4 เขตเลือกตั้ง มาร่วมฟังการปราศรัย นับ 10,000 คน ถือเป็นการประกาศศึกของพรรคภูมิใจไทย เตรียมชนกับพรรคเพื่อไทย ที่มี ส.ส. รวม 3 ที่นั่ง
นายอนุทิน กล่าวในการปราศรัยครั้งนี้ ว่า วันนี้รู้สึกดีใจมากที่ชาว จ.นครพนม ให้ความต้อนรับอย่างคับคั่งอบอุ่น จนรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ สมกับที่รักชาว จ.นครพนม และรัก จ.นครพนม มานานแล้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตนชื่นชมมาตลอด รวมถึงเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ ที่ตั้งองค์พระธาตุพนม ที่ตนเคารพศรัทธา ตั้งแต่จำความได้ และมีความสุขทุกครั้งที่มาเยือน จ.นครพนม จึงต้องการที่จะพัฒนาให้ จ.นครพนม เป็นเมืองต้นแบบ ในการพัฒนาเศรษฐกิจท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคอีสาน ในช่วงที่ทำงานมีตำแหน่งในรัฐบาลพยายาม วางแนวทาง ผลักดันการพัฒนาทุกด้าน ร่วมกับ ครูแก้ว นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ให้ชาว จ.นครพนม มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ได้ทำงานร่วมกับ อสม. ทุกคน ดูแลประชาชนทั้งประเทศ จนผ่านวิกฤติมาได้ สำคัญที่สุดนโยบายสำคัญของตน หากเป็นรัฐบาลอีกในการเลือกตั้งสมัยหน้า จะขอผลักดัน ในเรื่องของค่าตอบแทนเงินเดือน อสม. เดือนละ 2,000 บาท ให้สำเร็จ รวมถึง นำ อสม.ทุกคน เข้าโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ เมื่อเสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยา จำนวน 5 แสนบาท ทุกราย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่จะพัฒนาด้านสาธารณสุขให้คนไทยได้รับการดูแลทั่วถึง รวมถึงการรักษาโรคมะเร็ง การรักษาโรคไต ฟรี ไปจนถึงการพักชำระหนี้ 3 ปี ไม่ต้องจ่ายต้น จ่ายดอก และ การแก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตร จะต้องทำสัญญาในราคาที่เป็นธรรม ก่อนซื้อก่อนขาย ก่อนปลูก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวอีกว่า สำคัญที่สุดวันนี้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมถึง ครูแก้ว นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย จะขอดูแลพื้นที่อีสานเหนือ รวมถึง จ.นครพนม วอนประชาชนให้การสนับสนุน ในการเลือกตั้งสมัยหน้า จ.นครพนม จะต้องชนะการเลือกตั้ง ทั้ง 4 เขต มี ส.ส. 4 ที่นั่ง จะต้องให้การสนับสนุน ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน รวมถึง นางพูนสุข โพธิ์สุ หรือครูตุ่น ภรรยาของ ครูแก้ว ที่ยอมเสียสละเวลาครอบครัว มาทำงานเพื่อชาว จ.นครพนม ถือเป็นครอบครัว ที่ทุ่มเททำงานพัฒนาให้กับชาว จ.นครพนม มาตลอด ส่วนลูกสาว คือ นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ ยังมีตำแหน่งเป็นนายก อบจ.นคพรนม ทำงานพัฒนาท้องถิ่นควบคู่ไปด้วย จึงอยากให้ จ.นครพนม ให้การสนับสนุน ให้ภรรยาของ ครูแก้ว ได้รับการเลือกตั้ง เป็น ส.ส.อีกคน รวมถึง นพ.อลงกต มณีกาศ ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 3 และ นายชูกัน กุลวงษา ผู้สมัครเขตเลือกตั้งที่ 4 ยืนยันว่าหาก นครพนม ชนะเลือกตั้งทั้ง 4 เขต และภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลจะแต่งตั้ง ครูแก้ว เป็นรัฐมนตรี เพื่อมอบให้กับชาว จ.นครพนม ทำหน้าที่พัฒนา ดูแลพี่น้องประชาชน
ภายหลังการปราศรัย ทางด้าน นายอนุทิน ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับ อนาคตการเมืองว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนหากจะนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากพรรคภูมิใจไทย มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่า ไม่ขอตอบรับตอนนี้ เพราะเป็นมารยาททางการเมือง แต่หากถึงเวลาได้มีโอกาสเป็นรัฐบาล ที่สำคัญหากประชาชนต้องการตนไม่สามารถปฏิเสธได้ ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขอให้เชื่อมั่นพรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ และขอเป็นพรรคที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งทุกฝ่ายเพื่อให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองไปข้างหน้า ส่วนวาระของรัฐบาลมั่นใจว่าอยู่ครบเทอมแน่นอน ในการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.นครพนม ครั้งนี้ ไม่มีนัยการเมืองอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องปกติของเส้นทางการเมือง ที่ต้องการให้ประชาชนได้รับรู้นโยบายและทิศทางการทำงานของพรรค และแสดงถึงความพร้อมที่จะดูแลประชาชน
