
จากกรณี พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตฺตธมฺโม (เสาวภาคย์โชติรส) หรือพระปีนเสาไฟ เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แจ้งความให้มีการดำเนินคดีกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 กล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบในการเข้าตรวจค้นสำนักปฏิบัติธรรมพุทธยันตรี 2,600 ปี ตำบลห้วยพลู อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา และการนำหนังสือจากเจ้าอาวาสวัดสามชุกเรื่องแจ้งให้กลับวัด ไปแจ้งที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เปิดเผยว่า ได้ทราบเรื่องกรณีพระธีระ ไปให้สัมภาษณ์กับสื่อแล้ว โดยไม่ได้วิตกกังวลแต่อย่างใดเพราะทำไปตามหน้าที่ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 หรือประธานคณะทำงานตำรวจพระภาค 14 อยากจะบอกว่าจะทำอะไรก็ระวังจะเข้าข้อกฏหมายอาญาไว้ด้วย

สำหรับ ประเด็นที่พระธีระ ไปแจ้งความว่า อาตมานำเอกสารเปล่าให้เจ้าอาวาสวัดสามชุก จ.สุพรรณบุรีลงนามเรียกตัวกลับวัดภายใน 7 วัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอาตมาเพราะเอกสารดังกล่าวอาตมาได้รับมาจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา อาตมาได้รับมาแล้วก็ได้สอบถามไปจึงได้การปรินซ์ออกมาแล้วถือไปแจ้งกับพระธีระ ส่วนการที่เดินทางไปยังช่อง 3 ได้ถือเอกสารไปแจ้งนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่จะอ้างว่า ทำตามใจคฤหัสถ์ กัน จอมพลังก็ไม่จริงเพราะที่ทำไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับการแจ้งและร้องเรียนมาโดยได้แจ้งไปยังพระเดชพระคุณพระวชิรานุวัฒน์ เจ้าคณะภาค 14 ให้ท่านได้ทราบแล้ว ถึงการทำงานของอาตมา
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวกรณีครบ 7 วันของหนังสือสั่งการจากเจ้าอาวาสวัดสามชุกให้พระปีนเสาไฟกลับวัดว่า ต้องขึ้นกับคณะปกครองของจ.สุพรรณบุรี จะว่าอย่างไร เรื่องนี้ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงมีการตั้งกรรมการสอบผลการตัดสินก็อยู่ที่คณะกรรมการ อาตมาก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยกับการตัดสินของคณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรี

ทั้งนี้ การทำงานของคณะภาค 14 ถือว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม และจะมีการทำรายงานกันเป็นประจำทุกเดือน ทางเจ้าคณะภาค 14 ท่านเน้นมากเรื่องการประชุม ปัจจุบันก็จะประชุมผ่านระบบออนไลน์เพื่อขอความเห็น หรือรายงานความคืบหน้าต่อพระสังฆาธิการเป็นลำดับชั้น และมีการสรุปการทำงานที่ชัดเจน
“สำหรับการแถลงข่าวและเข้าแจ้งความกับอาตมา ก็สามารถทำได้แต่ตอนนี้คณะสงฆ์ภาค 14 ทำงานโดยมีฝ่ายกฎหมายที่จะคอยตรวจสอบการทำงานถ้าพระธีระ มีการกระทำความผิดชจะมีการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายจะมาทำกันมั่วๆไม่ได้ เช่นกันถ้าอาตมาทำผิด ก็ถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว
ขณะที่ ความคืบหน้าในส่วนการติดตามการตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมพุทธยันตรี 2,600 ปี ในพื้นที่ตำบลห้วยพลู ซึ่ง นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ได้มีการทำบันทึกข้อความแจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ถึงพฤติกรรมตามข่าวของพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา สังกัดวัดสามชุก ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี

โดยในเนื้อหาได้มีการระบุว่า ในช่วงการตรวจค้นวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เจ้าตัวได้มีการโวยวายและแสดงความไม่พอใจก่อนที่วันที่ 31 ตุลาคม 2567 พระธีระได้มีการเดินทางช่อง 3 และได้แถลงการณ์และยื่นหนังสือร้องเรียนเรียบร้อย ซึ่งได้มีการพิจารณาการร้องเรียนดังกล่าว มีถ้อยคำ เข้าข่ายพาดพิง หรือดูหมิ่นศาสนาอื่นเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกทางศาสนาซึ่งถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ในเนื้อหาได้มีการระบุว่าพระธีระ เคยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมดังนี้
- เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561 ก่อเหตุปีนเสาสัญญาณภายในสำนักปฎิบัติธรรมพุทธชยันตรี ถนนพุทธมณฑลสายสาม เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ เนื่องจากร้องเรียนไม่ให้สำนักสงฆ์ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ เนื่องจากที่ดินได้มีการจัดสร้างสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว เคยมีเอกชนมาก่อสร้างรีสอร์ทแล้วติดหนี้ธนาคารและเป็นที่รกร้าง กระทั่งปี พ.ศ. 2555 พระธีระ ได้มาสร้างเป็นสำนักสงฆ์และมีการนิมนต์พระ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อสายกัมพูชาวนเวียนเข้ามาในสถานที่ กระทั่งธนาคารได้ไปพยายามให้ย้ายออกไป จึงได้มีการปีนเสาสัญญาณ จนชื่อว่าพระปีนเสาไฟฟ้านับแต่นั้นมา
- วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 จึงปีนเสาสัญญาณอีกครั้งในพื้นที่เดิม ซึ่งให้เหตุผลว่าจะขึ้นไปปฏิบัติธรรมด้านบน แต่มีการสอบถามรายละเอียดแล้วอ้างว่าประท้วงที่ธนาคารไม่ยอมทำสัญญาขายที่ดินให้ เพื่อดำเนินการก่อสร้างเป็นสถานปฎิบัติธรรมอีก ก่อนจะมีการบุกไปสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567
- ปีพ.ศ. 2565 ในเขตพื้นที่อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมฐานประพฤติตนไม่เหมาะสมโดยการขับรถยนต์ ไปบิณฑบาตและมีสีกานั่งอยู่ในสำนักปฏิบัติธรรม โดยในรถยังพบเครื่องแต่งกายคละ และได้มีการบันทึกตักเตือนถึงความไม่เหมาะสมแล้ว กระทั่งปี 2566 พื้นที่อำเภอนครชัยศรี ได้ถูกร้องเรียนเนื่องจากสงสัยว่ามีชาวต่างด้าวมาบวชในพื้นที่สำนักปฏิบัติธรรม
- เคยถูกดำเนินคดีโดยศาลจังหวัดนครปฐม 2 คดี ได้แก่ พนักงานอัยการจังหวัดนครปฐมเป็นโจทก์ พระครูปลัดธีระ จำเลย ข้อหาสืบพยานก่อนฟ้อง เมื่อปี 2562 และคดีที่พนักงานอัยการจังหวัด นครปฐม เป็นโจทย์ ยื่นฟ้องพระธีระ จำเลย ข้อหา พรบ. คนเข้าเมือง
กระทั่งวันนี้ได้มีการเดินทางไปยังกองปราบปรามเพื่อแจ้งความเอาผิดกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม โดยสังคมได้มีการจับกระแสถึงบทลงโทษและการดำเนินการต่อจากนี้ เนื่องจากมีข้อมูลสืบทราบมาว่าเมื่อวานนี้พระธีร ได้เดินทางไปยังวัดสามชุก ซึ่งทางเจ้าอาวาสได้สั่งการให้อยู่สังกัดและพักอยู่ที่วัดสามชุกไปก่อนโดยได้มีการรับปากที่จะอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่ในช่วงสายวันรุ่งขึ้นก็ยังมีการขัดคำสั่งโดยการเดินทางมาที่กองปราบปรามก่อนเป็นข่าวดังที่ปรากฏในวันนี้ ซึ่งคงต้องจับตา ว่านับจากนี้คณะสงฆ์ชั้นปกครองของจังหวัดสุพรรณบุรีจะมีคำสั่งหรือการดำเนินการอย่างไรต่อไป
ภาพ/ข่าว : กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครปฐม