“หลวงพี่น้ำฝน”เผยมารศาสนาแก๊งตบทรัพย์พระระบาดหนักใช้รูปหญิงสาวหน้าตาดีหลอกล่อ

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 หรือ ประธานพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ)เปิดเผยว่า ขณะนี้แก๊งตบทรัพย์พระภิกษุอาละวาดหนัก มีพระลูกวัดไผ่ล้อมหลงกลถูกแก๊งแสบแอบเอาภาพหญิงหน้าตาดี หลอกคุยผ่านโซเชียลเพื่อตีสนิทจากนั้นจะหว่านเสน่ห์ให้เคลิบเคลิ้มก่อนจะชักชวนแลกดูของลับ หากพระองค์ใดพลาดท่าเล่นเซ็กบำเรอตัวเองผ่านกล้องโซเชียล จะถูกเรียกเงินทันที ซึ่งพระลูกวัดพลาดท่าถูกตบทรัพย์ไปแล้ว 5 หมื่นบาท พร้อมขู่ประจานหากไม่ให้เงินเพิ่ม ทำให้พระรูปดังกล่าวคิดสั้นแต่พอตั้งสติได้ก็มาสารภาพ จึงได้เร่งช่วยเหลือและลงโทษให้อยู่กรรมในป่า 1 เดือน ซึ่งตอนนี้ได้รับแจ้งจากหลายวัดหลายพื้นที่ว่าแก๊งนี้กำลังระบาดหนัก มีพระเสียเงินหลักหมื่นถึงหลักหลายล้านบาท โดยเตรียมประสานพระผู้ใหญ่แจ้งข้อมูลในพื้นที่ภาค 14 แล้ว

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า ได้ทราบเรื่องของขบวนการดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) ได้รับการแจ้งจากพระลูกวัดรูปหนึ่งว่า ได้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งดังกล่าวเช่นกัน จึงได้นิมนต์มาสอบถามข้อมูลทั้งหมดจึงทราบว่าแก๊งดังกล่าวมีการกระทำเป็นขบวนการ มีการวางแผนไว้เป็นระยะ ในส่วนของพระลูกวัดไผ่ล้อมรูปนี้เป็นพระที่บวชมานานยังพลาดเมื่อขาดสติและถูกยั่วยุให้เคลิ้มคนกลุ่มนี้เรียกว่า พวกมาร เข้าใจว่าพระสงฆ์มีความอ่อนแอทางด้านใดก็จะเข้าโจมตีในจุดนั้น หากพลาดจะถูกโจมตีทันที

ทั้งนี้ หลังจากรับฟังเรื่องดังกล่าวก็ทราบว่า พระลูกวัดรูปเครียดจัดถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย อาตมาบอกว่าเป็นเรื่องของพวกมารศาสนาที่จะมาท้าทายความอดทนของพระสงฆ์ในปัจจุบัน ยิ่งยุคนี้เป็นยุคโซเชียลขบวนการเหล่านี้ก็จะเข้าหาพระสงฆ์ได้ง่ายและมาได้ทุกรูปแบบ พระสงฆ์ก็มีความล่อแหลมเรื่องนี้มาก เป็นเรื่องของกิเลส การตบมือข้างเดียวคงจะไม่ดัง ส่วนความผิดตอนนี้ก็อยู่ในขั้นอาบัติชั้นสังฆาทิเสส พระที่ทำผิดจะต้องไปอยู่กรรม เพื่อชดใช้ความผิด ด้วยหลักจะมีการให้อยู่กรรมประมาณ 15 วัน แต่อาตมาได้สั่งการให้ไปอยู่ที่สำนักสงฆ์ในป่า ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อให้พิจารณาความผิดของตัวเอง

“หลังจากทราบเรื่องว่าพระลูกวัดถูกขู่เรียกทรัพย์ไเป็นเงิน 50,000 บาท แก๊งดังกล่าวได้ใจยังหึกเหิมเรียกมาอีก 200,000 บาท พระลูกวัดไม่มีเงินแล้วและพร้อมจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่เคยเยอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เมื่อเขาไม่ได้ 200,000 บาท ก็ได้ติดต่อมาที่อาตมา อาตมาก็โทรไปคุยว่าหาก คิดว่าเป็นผู้เสียหายให้มาพบ อาตมาโดยตรงที่วัดไผ่ล้อม สุดท้ายก็เงียบหายกันไป นี่คือขบวนการที่พระสงฆ์กำลังประสบอยู่ในโลกโซเชียลขณะนี้” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากการลงโทษแล้วอาตมายังเห็นว่า จำเป็นจะต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจกับพระสงฆ์เกี่ยวกับการใช้โซเชียล และขบวนการตบทรัพย์ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งในภาค14 ที่อาตมาสังกัดอยู่ ยังมีการร้องเรียนพฤติกรรมต่างๆ เข้ามาจากหลายจังหวัด จึงจำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านการใช้โซเชียล ให้ดูตัวอย่างจากอาตมาคือ การใช้โซเชียลจะใช้ในรูปแบบของการให้คติธรรม ให้คำสั่งสอนแก่ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชน พระสงฆ์ที่พบปัญหาเหล่านี้อันดับแรกจะต้องมีสติไม่ตกเป็นเครื่องมือของคนเหล่านี้ และต้องอยู่ในศีลตามหลักปฎิบัติอย่างเคร่งครัด แต่หากพลาดไปแล้วก็ให้รีบปรึกษาเจ้าอาวาส หากท่านไม่ทราบข้อมูลให้ติดต่อประสานงานเจ้าคณะตำบลอำเภอและจังหวัดหรือผู้มีความรู้ก่อน อย่าหมกมุ่นอยู่ตัวคนเดียว

“อาตมาขอฝากไว้คือ ให้ใช้โซเชียลอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช่ใช้ไปหาคู่และถ้าเป็นพระสงฆ์แล้วจะมาหาคู่ผ่านโซเชียลก็ขอให้ท่านลาสิกขาออกไป เพราะหากท่านปฏิบัติตนเช่นนี้ก็จะมีแต่ทำให้คณะสงฆ์ ส่วนใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและอยู่ในศีลในธรรมต้องพลอยมาเสียหายกับพฤติกรรมเหล่านี้ด้วย ส่วนแก๊งคนร้ายได้ประสานตรวจสอบพบเป็นการวิดิโอคอลจากต่างประเทศ และมีบัญชีม้าเป็นคนไทยมารับโอน”หลวงพี่น้ำฝนกล่าว

ขณะที่ พระวีระ (นามสมมติ) กล่าวว่า อาตมายอมรับว่าพลาดและไม่มีสติกับเรื่องนี้ โดยมีการเพิ่มเพื่อนเข้ามาจาก Facebook โดยมีโปรไฟล์เป็นภาพผู้หญิงสาวหน้าตาดี ระบุว่ามีอาชีพเป็นครูสอนหนังสือ เป็นอาชีพที่อาตมาให้ความสนใจ เพราะมีหน้าที่ให้ความรู้แก่ญาติโยมและเด็กเด็ก เขาได้ขอเพิ่มเพื่อนมาเมื่อประมาณ 4 เดือนก่อน แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะอาตมาบอกว่ามีหน้าที่และไม่มีเวลา โดยจะมีการทักทายตามปกติราวอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง แต่เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน ผู้ใช้ Facebook หญิงคนนี้ได้ขอ LINE ของอาตมา มีการคุยกันเรื่อยมา

พระวีระ (นามสมมติ) บอกอีกว่า หลังจากได้พูดคุยกันประมาณ 2 สัปดาห์ ทำให้เกิดความไว้ใจ เขาบอกอยากคบหากับอาตมา เมื่อคุยกันบ่อยครั้งจากจิตใจที่ไม่เคยคิดก็เริ่มคิดเพราะบวชมานาน และไม่เคยมีใครมาพูดคุยดีแบบนี้ด้วยจึงรู้สึกดี กระทั่งเขารุกเร้าหนัก บอกว่าอยากเป็นของเราจริงๆ กระทั่งได้มีการวิดีโอคอลคุยกัน เขาบอกว่าจะขอถอดเสื้อผ้าให้ดูเพื่อแสดงความจริงใจว่าเขาพร้อมที่อยากจะมีเราจริงๆ ก็ได้ถอดตามที่พูดไว้ และบอกว่าให้อาตมาถอดให้ดูด้วย อาตมาบอกว่าไม่สะดวกเพราะว่ายังอยู่ในผ้าเหลือง แต่ถูกรุกเร้าหนักจึงได้ถอดให้เขาดูและไม่ทราบว่า เพราะอะไรถึงได้ยอมได้ง่ายดาย เมื่อถอดเสื้อผ้าออกเค้าก็แสดงการช่วยตัวเองให้ดูให้เราทำให้เขาดูไปด้วย กระทั่งเขาได้ทำเป็นว่าเสร็จกิจ แต่อาตมาไม่ได้สำเร็จไปด้วยเขาบอกให้ไปอาบน้ำ หลังจากนั้นถามอะไรไปก็เงียบ โทรไปตอนเช้าก็ไม่ตอบ

“หลังจากนั้นอาตมาก็โทรไปสอบถามเขาก็เงียบแต่ช่วงสายได้โทรกลับมาบอกว่าเมื่อคืนเพลียมากนอนหลับยาว จากนั้นก็ได้ชักชวนคุยกันต่อ เขาได้ให้เลือกเสื้อผ้าใส่ไปสอนหนังสือ กระทั่งได้ส่งภาพชุดมาเรื่อยๆ แต่จู่จู่ก็มีภาพของอาตมาที่ไม่เหมาะสมไหลออกมาหลายภาพ เขาบอกว่าทำไมเป็นพระเป็นเจ้าถึงได้ทำแบบนี้ และด่าทอหนักมาก โดยมีเพื่อนเพื่อนเข้ามาช่วยรุมด่า ทำให้อาตมาเครียดหนัก เขาบอกว่าถ้าให้ 30,000 บาทจะจบเรื่องทันทีอาตามมาก็ได้ไปโอนเงินที่ร้านสะดวกซื้อแถวหน้าวัด และส่งสลิปให้เขาดูทางวิดีโอคอล จากนั้นเขาบอกว่าโอนช้า ขออีก 20,000 บาท ด้วยความตกใจอาตมาก็โอนไปอีก 20,000 บาท และบอกอีกว่ายังมีคลิปอยู่อีกหากอยากให้จให้โอนมาอีก 200,000 บาท อาตมาตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงได้เดินไปที่หลังโบสถ์แล้วคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ นึกถึงหน้าหลานจึงได้หยุด และตัดสินใจโทรไปหาหลวงพี่น้ำฝน เพื่อสารภาพว่าไปกระทำความผิดมาแล้ว หลวงพี่ท่านได้ให้สติและให้การช่วยเหลือตั้งหลักขึ้นมาได้ แต่ก็ได้คาดโทษตามกระบวนการซึ่งอาตมาก็น้อมรับความผิด” พระวีระ (นามสมมติ) กล่าว

พระวีระ (นามสมมติ) ยอมรับว่า อาตมาขาดสติจริงๆ ไม่ทราบว่าไปหลงกลแบบนี้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเพราะอาตมาไม่เคยพบผู้หญิงที่พูดจาดีแบบนี้มาก่อน เพราะเคยมีแฟนแล้วเลิกรากันไปหลาย 10 ปีก่อนที่จะมาบวชเป็นพระ สิ่งที่อยากจะเตือนสติพระรูปอื่นที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อต่อไปจากนี้คือ ความหวานสวยกินไม่ได้ จะถูกหลอกลวงด้วย จากนี้จะไปอยู่กรรมและกลับมาปฎิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดและจะจำไว้เป็นบทเรียนใหญ่ที่สุดของชีวิต และตอนนี้ได้ประสานไปยังเจ้าของภาพที่ใช้มาหลอกทราบว่า เป็นครูจริงอยู่ในภาคอีสานซึ่งเจ้าตัวบอกว่า มีคนประสานมาเยอะมากว่าตนเองถูกนำภาพไปใช้หลอกเหยื่อโดยเฉพาะพระสงฆ์

ภาพ/ข่าว : กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครปฐม

Message us