
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมด้วยนายเศรณี อนิลบล สมาชิกวุฒิสภา ร่วมแถลงถึงกรณีการประชุมวุฒิสภาในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้ วาระการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แทนที่ตำแหน่งที่ว่างลง ว่า มีชื่อ 3 บุคคล ที่ผ่านคณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่ง กมธ.สอบประวัติฯ จะต้องนำชื่อบุคคลเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่แล้ว ในการบรรจุระเบียบวาระให้วุฒิสมาชิกได้พิจารณาเห็นชอบ องค์กรอิสระ ตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลปรากฏว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากกรรมการสรรหาฯ 2 ท่านนั้น ได้คะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง เป็นอันว่าตกไป ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นไปได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ 2 บุคคลนั้น ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการสรรหาฯ เต็มองค์คณะ และสังคมก็เห็นว่า เป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับการดำรงตำแหน่ง ทำให้หลังจากนี้ ทั้ง 2 ท่าน คงไม่สามารถเสนอตัวเองเข้ามาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระได้อีก
ทั้งนี้ พวกเราในฐานะวุฒิสมาชิก จึงได้ปรึกษาหารือกันว่า ถ้าเรานิ่งเฉย และไม่มีกระบวนการ ในการตรวจสอบ วิธีการที่สมาชิกส่วนใหญ่ลงคะแนน แบบที่ผ่านมา คือเป็นแพ็คเกจ ประมาณ 140 เสียง ซึ่งเป็นโอกาสที่ทำให้คนที่ดีๆ ต้องเสียประวัติ จะทำให้สังคมยิ่งครหากับวุฒิสภา และในขณะนี้ก็กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนักเรื่องการฮั้ว ตัวเลขนี้ ก็ช่างเป็นตัวเลข เท่าๆ กัน อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้น ตนขอเสนอว่า ให้ตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้การตรวจสอบในขั้นตอนของ สว.นั้น เกิดผลที่พลิกความคาดหมายของสังคม เพราะเมื่อดูในรายละเอียดจะเห็นว่า การตกม้าตายในขั้นตอนที่ 2 ของ กมธ.สอบประวัติฯ นั้น มีแต่คนหน้าเดิม เป็นซ้ำๆ กัน
“ผมจึงขอขนานนามบุคคลเหล่านี้ว่า เป็นอภิมหายอดมนุษย์ หรืออย่างไร เข้ามาตรวจสอบบุคคลนั้นบุคคลนี้ แล้วก็เอามาให้ สว.จำนวน 200 คนโหวต แล้วปัดตกได้ สว.ก็โกรธ ยังกับเป็นหวยล็อค ประมาณ 140 ต่อคะแนนเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้คนดีๆ ต้องเสียโอกาส” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ขอเรียกร้อง ให้มีการปรับปรุงกระบวนการ ที่คัดเลือก กมธ.สอบประวัติฯ ให้เปิดกว้าง โดยให้บุคคลใน สว.นั้น ได้รับโอกาสในการเข้ามาทำงานอย่างโปร่งใส ไม่ใช่วนเวียนอยู่กับแต่เป็นอภิมหายอดมนุษย์ ประมาณนี้ 30 คนนั้น จะได้ไม่ต้องมาบ่น ว่างานเยอะ ไม่มีเวลา เพราะไม่อย่างนั้น ภาพลักษณ์ของวุฒิสภาจะเสียหายไปมากกว่านี้ ต้องแก้ปัญหานี้โดยด่วน ถ้าไม่แก้เลยจะไม่เหลือความเชื่อถือต่อสังคมภายนอก รวมถึงการลงคะแนนของท่านผู้ที่สมาชิก ซึ่งเป็นที่ครหาว่า ไปรับฟังอะไรมาหรือไม่ มีสัญญาณอะไรทำให้ต้องลงคะแนน เป็นแพ็คหรือไม่ ตนอยากจะขอเรียกร้องจิตวิญญาณความเป็นอิสระ จากท่านวุฒิสมาชิกว่า สังคมขณะนี้ กำลังไม่ให้ความเชื่อถือ สถาบันวุฒิสภาอย่างหนักมากขึ้น ท่านต้องเรียกร้องตัวเอง ว่าอย่าไปอยู่ภายใต้การสั่งการจากใครที่ไหนก็ตาม
“ผมได้ยินมาว่า ใครอยากจะเป็นองค์กรอิสระ ต้องไปท่องเที่ยวเมืองรอง ที่มีร้านลูกชิ้นอยู่หน้าสถานีรถไฟ มีสนามฟุตบอลระดับชาติ และมีสนามแข่งรถ เมืองรองเมืองนั้น ใครไม่ไป ก็แปลว่า ไม่มีโอกาสได้เป็นกรรมการองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใดก็ตาม” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ ยังมองว่า เสียงสำคัญในการชี้ขาดอนาคตทางการเมืองของประเทศ คือเสียงจากองค์กรอิสระ ที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง แม้ตนจะเป็นวุฒิสมาชิกเสียงข้างน้อยก็ตาม แต่ไม่เพิกเฉยต่อภารกิจในส่วนนี้ จึงขอเรียกร้องเรื่องกฎระเบียบที่ต้องผ่อนคลายให้ทางสมาชิกได้เข้ามาช่วยกันทำงานมากขึ้น และขอให้ประธานได้พิจารณาด้วยดุลพินิจ อย่าไปเห็นแก่พรรคแก่พวก พร้อมเรียกร้องสมาชิกว่า เวลาลงคะแนนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ อยากให้คำนึงถึงสายตาคนภายนอกมากกว่านี้ ว่าเขามองเราอย่างไร จะตอบคำถามประชาชนอย่างไร
“ถ้ากรรมการองค์กรอิสระไม่เป็นอย่างใจปรารถนาของท่านผู้ยิ่งใหญ่ อะไรจะเกิดขึ้น บ้านเมืองของเราจะอยู่รอดปลอดภัย หรือจะมีอันตรายต่อไป มีความขัดแย้งมากมายต่อไปอย่างไร เพราะฉะนั้น พวกผมอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จึงมาขอส่งสัญญาณ แม้จะเป็นเสียงข้างน้อย และขอใช้โอกาสนี้ กระตุกหนวดเสือ อย่าไปคิดว่า จะได้อยู่ค้างฟ้า ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมด้วย ไม่อย่างนั้น ถ้าบ้านเมืองเราไปไม่รอด แล้วท่านผู้ยิ่งใหญ่จะรอดได้อย่างไร” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว