เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) โดยมีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
โดย พรรคเพื่อไทย มีมติเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค เป็นบุคคลสมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันรัฐสภามีสมาชิกรวม 747 คน เสียงเกินกึ่งหนึ่งสำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรี จะต้องได้ 374 เสียง
ทั้งนี้ เวลา 15.10 น. สมาชิกรัฐสภาอภิปรายครบตามกรอบเวลา ประธานรัฐสภาจึงปิดการอภิปราย เพื่อออกเสียงลงคะแนนต่อไป โดยเป็นการลงคะแนนอย่างเปิดเผย โดยเรียกชื่อตามลำดับอักษรและลงคะแนนเป็นรายคน โดยประธานรัฐสภาแจ้งว่า มติที่จะเห็นชอบการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ คือ 374 เสียง เป็นต้นไป
ต่อมา ประธานรัฐสภาแจ้งว่า มีผู้แสดงตนเข้าร่วมประชุม จำนวน 705 คน จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 747 คน จากนั้นประธานรัฐสภาให้เริ่มการออกเสียงด้วยการขานชื่อลงมติ
โดยผลโหวตลงมติได้ 616 คน ปรากฎว่า สว. เห็นชอบ 123 คน ส.ส.เห็นชอบ 251 คน รวม374 คน เกินกึ่งหนึ่ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แม้ว่า ยังลงมตินับคะแนนไม่เสร็จสิ้นก็ตาม
ในที่สุด นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม แจ้งผลการนับคะแนน ปรากฏว่า นายเศรษฐา ได้คะแนนเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง และงดออกเสียง 81 เสียง จึงถือว่า นายเศรษฐาได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภา เท่ากับว่ามติที่ประชุมเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ทำให้สมาชิกภายในที่ประชุมปรบมือแสดงความยินดีลั่นห้องที่ได้นายกฯคนที่ 30 จากนั้นนายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า วาระอื่นๆของเลื่อนออกไปก่อน และสั่งปิดการประชุมในเวลา 17.40 น.
