
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ภาพและข้อความลงเฟซบุ๊กสมชาย แสวงการ มีเนื้อหาระบุว่า # ปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้น ITV ข้อที่ 5 นิตินิยายนิติกรรมอำพรางเรื่องหุ้น itv จะไปต่ออย่างไร
เมื่อคณะกรรมการเลือกตั้งหรือ กกต. ไม่รับคำร้องหุ้นสื่อ ITV ของ 3 ผู้ร้องแล้วแต่รับไว้เองในฐานะความปรากฏ ต่อกกต. เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสส. มาตราตรา 151 แล้ว ขอเสนอความเห็นเพื่อ กกต. พิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรในขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1. รับรองผลการเลือกตั้งสส.ของนายพิธา โดยเร็วหรือภายในระยะเวลา ที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
2.หลังการรับรอง ส.ส.แล้ว กกต.ต้องเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเองในฐานะความปรากฎแก่ กกต. โดยใช้ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า
2.1 นายพิธา ขาดคุณสมบัติและขัดรัฐธรรมนูญตามลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญมาตรา101 (6) ประกอบมาตรา98 (3)
2.2 ขาดคุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา88 มาตรา89 และมาตรา160
กรณีนี้จึงไม่จำเป็นต้องให้สส.เข้าชื่อ1ใน10 ร้องต่อประธานสภา
เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 อีก
เพราะความปรากฏตามที่ กกต. รับไว้เอง และ กกต. ต้องสอบสวนจนมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายพิธา น่ามีลักษณะต้องห้ามอันเป็นการขาดคุณสมบัติสสและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย
3. กกต.ร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวกับคดีอื่นๆที่ผ่านมา เช่นคดีที่กกต ร้องคดีนายธนาธร หรือ คดีที่ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าชื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญคดีวาระ8ปี ของพลเอกประยุทธ์ ฯลฯ โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคําวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้มีคําสั่งกําหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 71
4. กกต.ยื่นดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าพนักงาน ตำรวจ อัยการ ในความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42 (3)
ในข้อหารู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ กรณีถือหุ้นสื่อ ITV
: คดีนี้มีบทลงโทษจำคุก 1-10 ปี โทษปรับ 20,000-200,000 บาท
และตัดสิทธิการเมือง 20 ปี
5. อัยการพิจารณาคำสั่งฟ้องตามความผิดฐานดังกล่าวต่อนายพิธาหรือไม่
*เรื่องนี้เป็นกรณีที่ กกต. ควรต้องสอบสวนและมีพยานหลักฐานให้หนักแน่นชัดเจนอย่างยิ่ง
เพราะอัยการสูงสุดเคยมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนาย ธนาธร มาแล้ว
โดยคดีดังกล่าว อัยการระบุว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้อง
และดูเจตนาจากพยานหลักฐานแล้ว น่าจะไม่มีความผิดกฎหมายอาญา
ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายธนาธร ให้พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ไปแล้วก็ตามแต่อัยการสูงสุดก็ยืนยันมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนายธนาธรมาแล้ว
โดยถือว่า เป็นการพิจารณากฎหมายคนละฉบับกัน
#เชื่อมั่นในหลักนิติธรรมเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ
#คำวินิจศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สุดและผูกพันทุกองค์กร

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1628686034292801&id=100014542603197