
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทาง การแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ เสนอโดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายว่า การเสนอญัตติฯดังกล่าวเป็นการเสนอตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ในขณะเดียวกันเป็นการทำหน้าที่เพื่อตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ในนโยบายได้ปรากฏเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้งทั้งในระยะสั้นและระยะยาวไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นการเสนอญัตตินี้จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้วุฒิสภาได้ดำเนินการแก้ปัญหาให้ประชาชน ติดตามตรวจสอบการบริหาร ที่แถลงนโยบายต่อสภา
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้นทุกปีสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคม มีการใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหา แต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น เวลานี้ปัญหาภัยแล้งได้แผ่ขยายวงกว้างไปทั่วประเทศไม่ใช่ ภาคใดภาคหนึ่ง หรือจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง มีแนวโน้มว่า จะทวีความรุนแรง ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ปัญหาได้ส่งผลต่อเกษตรกรทั่วประเทศ ทำให้ พืชผลทางการเกษตร สัตว์เลี้ยงเสียหาย ขาดแคลนแหล่งอาหารกระทบไปยังผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนจากราคาเพื่อนและสัตว์ที่มีราคาสูงขึ้น
ทั้งนี้ เราจะมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำจำนวนมากถึง 48 หน่วยงาน แต่ขาดการบูรณาการ ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นหน่วยงานที่แก้ไขปัญหาควรมีการบูรณาการ ใช้ฐานข้อมูลที่ครบถ้วนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำ ญัตตินี้จึงมีความสำคัญในการหานวัตกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำให้ตอบสนองความต้องการของประเทศได้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติบ้านเมืองในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบและยั่งยืน จึงสมควรตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯขึ้นมาพิจารณาแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ

นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า จากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกเป็นความเสี่ยงสูงสุด นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น การเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได มีงานวิจัยได้เน้นให้รัฐบาลใช้มาตรการเชิงรุกแก้ปัญหาภัยแล้งโดยมีข้อเสนอที่สำคัญ 4 ข้อ คือ 1.พัฒนาระบบการติดตามภัยแล้งในปัจจุบันนำไปสู่การคาดการณ์ภัยแล้งในอนาคตเพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปวางแผนป้องกันภัยแล้งล่วงหน้าได้ แต่ที่ผ่านมาเรามีแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า เวลาเข้าฤดูแล้งทีไรมักมีข่าวออกมาเกิดภัยแล้งซ้ำซาก ขาดการวางแผนแก้ไขปัญหามาก่อน 2.ข้อเสนอจากการวิจัยบอกว่า รัฐบาลควรสำรวจข้อมูลผลกระทบจากภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆของประเทศอย่างครบถ้วน เพื่อให้การวิเคราะห์มีความน่าเชื่อถือและสะท้อนถึงผลกระทบที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ของประเทศ พอพูดถึงภัยแล้งคนมักพูดถึงภาคอีสาน ภาคเหนือ แต่ไม่พูดถึงภาคอื่น ทั้งที่ทุกจังหวัดมีภัยแล้งเกิดขึ้นทั้งสิ้น3.งานวิจัยแนะนำให้ออกแบบมาตรการจัดการภัย มาตรการเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ เพื่อป้องกันและลดความเสียหายจากภัยแล้งให้น้อยที่สุด และ 4.งานวิจัยเสนอว่า ควรจะออกแบบมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
อย่างไรก็ตาม ที่ตนนำงานวิจัยนี้มาเสนอ ก็เพื่อมาสนับสนุนการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯเพื่อเป็นองค์กรเฉพาะ แต่ทราบมาว่าทางวุฒิสภาอยากให้คณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณา ถ้าเป็นเช่นนี้จะเป็นการคนที่มีความรู้ความสามารถมากเกินไปหรือไม่ สว.ที่มีความรู้ความสามารถไม่มีโอกาสได้เข้ามาศึกษา คณะกรรมาธิการสามัญฯทั้งสอง มีผลงานชัดเจน แต่เวลาจะมีหรือไม่เพราะงานประจำที่ทำอยู่ก็มีมาก จึงอยากให้มองว่าคนที่ไม่มีภาระ แต่พร้อมที่จะเข้ามาแบ่งเบาภาระเข้ามาเป็นกรรมาธิการวิสามัญฯน่าจะมีโอกาสทำงานแทนวุฒิสภา รวมถึงหน่วยงานที่ทำงานเรื่องน้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมหรือภัยแล้ง 48 หน่วยงาน 7 กระทรวง ถ้าเรามีกรรมาธิการวิสามัญฯจะสามารถระดมคนที่มีความรู้ความสามารถจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาร่วมทำงานได้
“ผทไม่อยากให้เกิดขึ้นเหมือนในอดีตผมเคยเสนอญัตติแก้ปัญหาน้ำท่วมแต่ถูกตีตก วุฒิสภาก็ได้แต่มองตาปริบๆ ดูปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น จึงอยากเชิญชวนวุฒิสภาในภูมิภาคต่างๆ ได้ร่วมอภิปราย ถึงแนวทางที่เราจะมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน ผมเสนอญัตตินี้เข้าสู่วุฒิสภาเพื่อต้องการให้พวกเราพูดถึงปัญหาที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบ เดือนเมษายน -พฤษภาคมจะแล้งหนัก ถ้าปิดสภาแล้วเราไม่ได้ต่อสู้กับปัญหานี้อะไรมันจะเกิดขึ้น ผมอยากให้ประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อวุฒิสภาคือการลงไปแก้ปัญหาให้ประชาชน ก็หวังว่าจะมีสมาชิกได้พูดถึงปัญหาของประชาชน แสวงหาทางออกร่วมกันเพื่อให้ประชาชนมีกำลังใจในการสู้ภัยแล้งในรอบนี้”นพ.เปรมศักดิ์กล่าว

นายเศรณี อนิลบล
ด้าน นายเศรณี อนิลบล สว. อภิปรายสนับสนุนว่า ขอสนับสนุนให้ตั้งญัตติคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาพิจารณาศึกษา เพราะปัญหาภัยแล้วนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล เป็นปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซาก ถึงแม้ว่ากี่รัฐบาล จะมีมาตรการแก้ไขปัญหาแต่เป็นการแก้ปัญหาในเชิงตั้งรับไม่ใช่เชิงรุก ปัญหาภัยแล้งในรอบ 50 ปี มีภัยแล้งที่หนักหนาไม่น้อยกว่า 15 ครั้งแต่ละครั้งสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านการเกษตรนับแสนล้านบาท
ทั้งการขาดแคลนน้ำ เพื่อการเกษตรมีมากกว่า 45 จังหวัดของประเทศไทย รวมแล้ง 127 อำเภอ 321 ตำบล หรือกว่า 2,000 หมู่บ้านคิดเป็นพื้นที่การเกษตรที่ประสบชะตากรรมไม่น้อยกว่า 850,000 ไร่ หรือ 1 ใน 3 ของพื้นที่ในแต่ละจังหวัด ปัญหาที่เกิดขึ้น แม้เราจะมีแผนในการรับมือเป็นอย่างดี แต่เมื่อพืชผลทางการเกษตรขาดแคลนน้ำผลผลิตก็ลดลง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสภาฯได้พูดถึงประเด็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบว่ารัฐบาลจะยกระดับการบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำแล้ง โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ คำนึงถึงศักยภาพลุ่มน้ำของแต่ละพื้นที่ แต่ผ่านมา 5-6 เดือน เรายังไม่เคยเห็นนโยบายที่แปลงไปสู่การปฏิบัติเลย จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ หลายพื้นที่น้ำในแม่น้ำ ในห้วยในคลองไม่มีแล้ว อ่างน้ำต่าง ๆ ทั้งจังหวัดน่าน จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา และนราธิวาส น้ำในอ่างเก็บน้ำแห้งขอด บางอย่างเด็กลงไปเตะฟุตบอลได้ แผนในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบวันนี้หน่วยราชการ ยังไม่ได้ตั้งงบประมาณที่จะไปออกแบบขุดลอก ว่าเมื่อพ้นฤดูแล้งแล้ว ไปถึงหน้าฝน ยังไม่มีแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปประธรรมเลย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ยังไม่ได้รับงบประมาณในการขุดลอกคูคลองแม้แต่บาทเดียว
“ถ้าวันนี้เราปล่อยให้ส่วนราชการทำตามมีตามเกิดโดยที่รัฐบาลกำกับบ้างไม่กำกับบ้าง และถ้าปล่อยให้คณะกรรมาธิการสามัญฯของวุฒิสภาทั้ง 2 คณะรับไปดำเนินการ ก็เกรงว่าจะมีงานที่ล้นมือไม่สามารถจะศึกษาและนำเสนอข้อต่างๆไปสู่การปฏิบัติได้ทันกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น วันนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เตรียมรถน้ำที่จะสูบน้ำไปให้ประชาชนในช่วงฤดูแล้ง จึงอยากถามประธานวุฒิสภาว่า การแก้ไขปัญหาแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ หรือเราควรศึกษาการแก้ไขปัญหาที่ทำในเชิงป้องกันให้ประชาชนมีน้ำอย่างเพียงพอในการอุปโภคบริโภค หรือมีน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเพียงพอ เพื่อให้ห่วงโซ่ทางการเกษตรมีน้ำใช้สร้างมูลค่าเพิ่ม จึงเห็นว่าการเสนอตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ขึ้นมาพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และขอให้ประชาชนจดจำว่า สว.ที่อยู่ในจังหวัดของท่าน ไม่ได้ให้การสนับสนุนตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ ทั้งที่ประชาชนในแต่ละจังหวัดล้วนแต่ประสบชะตากรรมจากปัญหาภัยแล้งมาช่วยนาตาปี จึงอยากฝากไปยังสมาชิกว่าขอให้เข้าใจและร่วมด้วยช่วยกันในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ให้ทันท่วงที ดีกว่าปล่อยให้ส่วนราชการ ทำงานไปตามระบบ”นายเศรณณี

พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย
ทั้งนี้ การอภิปรายส่วนใหญ่สว.สายอิสระและสว.สีขาวจะสนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มาพิจารณา ขณะที่สว.สายสีน้ำเงินจะไม่เห็นด้วย โดยระหว่างการอภิปราย พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว.ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯแล้วจะเอางบมาจากไหน มีกรรมาธิการวิสามัญฯแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ทำให้ นพ.เปรมศักดิ์ ชี้แจงว่า พล.ต.ท.บุญจันทร์เป็นประธานกรรมาธิการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา เห็นร่อนเร่พเนจรไปหลายที่ ไปดูยาเสพติดอยากถามว่ายาเสพติดจะหมดไปหรือไม่ ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ขอให้รายงานต่อวุฒิสภาด้วย คำถามที่ถามเมื่อสักครู่ถามแบบเดียวกัน กรรมาธิการวิสามัญฯจะตั้งหรือไม่อยู่ที่ที่ประชุมพิจาณา ตนทำใจแล้วได้ก็ได้ไม่ได้ก็แล้วแต่ เพราะมันพูดยากไม่ใช่เสียงข้างมาก แต่ตนมองว่าปัญหาภัยแล้ง เป็นปัญหาที่เป็นทุกข์ของประเทศทั่วภูมิภาค ประชาชนเดือดร้อน การทำงานของกรรมาธิการวิสามัญฯ ตรวจสอบฝ่ายบริหาร ถ้าทำงานดีคงไม่มีประชาชนมาร้องทุกข์ต่อวุฒิสภา การทำงานของวุฒิสภาถ้าอยากให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนควรระดมกำลัง จากสว.ทั้ง 199 คน มาร่วมทำงานเต็มที่ แต่นี่ยังไม่ทำอะไรเลยก็มาคัดค้านแล้ว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.บุญจันทร์ ชี้แจงว่า ตนไม่ได้คัดค้านการตั้งคณะกรรมาธิการฯเพียงแต่อยากรู้ว่าที่ผ่านมาเคยมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯแล้วนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร แค่อยากรู้ ว่าเป็นประโยชน์หรือหรือ อยู่ด้วยกันอย่ามาด้วยค่าในห้องประชุม ทำให้นพ.เปรมศักดิ์โต้กลับว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯศึกษาเรื่องภัยแล้งในอดีตเคยมีมาก่อนแต่มันคนละยุคสมัยกัน เหมือนกับคณะกรรมาธิการกฎหมายและยุติธรรม ถามว่า ทำไมต้องมีอีกก็เพราะเป็นวุฒิสภาคนละชุดกัน พร้อมได้ย้ำว่า การเสนอญัตติ
อย่างไรก็ตาม การอภิปรายในญัตติดังกล่าวส่วนใหญ่สว.สายอิสระและสว.สีขาวจะสนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯขึ้นมาพิจารณา และหลังจากสมาชิกอภิปรายเกือบ 2 ชั่วโมง ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ด้วยคะแนน 97ต่อ 40 ไม่ลงคะแนน 2 แต่มีมติให้ส่งเรื่องให้กรรมาธิการสามัญของวุฒิสภาคือ คณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาแทน
