สว.รุมอัดรัฐบาลมาตรการแก้ฝุ่นพิษ PM2.5 ไม่เข้าท่าตื้นเขินฉาบฉวยแก้ปลายเหตุ

เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากที่คนไทยกำลังเผชิญกับอากาศที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ดัชนีวัดค่าอากาศก็รายงานว่าคน กทม.กำลังจมอยู่กับฝุ่น PM 2.5 สูงเกือบ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งที่มาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม เช่นเดียวกับคนทั่งประเทศที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน และขณะนี้คนไทยอยู่กันในระดับสีแดงและสีม่วงแล้ว และประเทศไทยติดท็อปเทรนด้านอากาศเสียของโลกแทบทุกวัน

น.ส.นันทนา กล่าวว่า เราจะอยู่กันแบบนี้หรือ คุณภาพชีวิตของคนไทยต้องเผชิญชะตากรรม ด้วยฝีมือการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ไร้เดียงสาเช่นนี้หรือ ทราบหริอไม่ว่าในปีที่ผ่านมามีคนไทยป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศถึง 2.1 ล้านคน ส่วนปีนี้ยังไม่ครบเดือนศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมิณค่าเสียหายจากฝุ่น PM 2.5 ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท และมีผู้ป่วยจากฝุ่นมฤตยูนี้รวม 1.44 แสนราย เราปล่อยให้รัฐบาลแสดงฝีมือในการบริหารประเทศแบบนี้มาเกือบ 2ปี นายกฯทั้ง 2 ท่านไม่มีแผนแม่บทในการจัดการสภาพอากาศอย่างชัดเจน ไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด มีแต่ออกมาพูดว่า เรื่องฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นวาระของชาตินี้หรือชาติหน้า

ทั้งนี้ การที่ทุกคนกำลังเผชิญกับสภาพที่เลวร้ายนี้ ตนเห็นว่าเรากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางสุขภาพ ซึ่งเราต้องระดมสมองจากหลายฝ่ายเพื่อหาทางออกให้กับรัฐบาล เพราะลำพังมาตรกรแก้ปัญหาของรัฐบาลดูจะตื้นเขิน ฉาบฉวยและปลายเหตุ ทั้งมาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม ขึ้นรถสาธารณะฟรี ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้าจังหวัดไหนมีการเผา ตนเห็นว่าเป็นเพียงมาตรการชะลอเวลา รอให้พ้นฤดูฝุ่นเท่านั้น เหมือนคนที่เป็นมะเร็ง ให้นั่งสวดมนต์ เพ่งพินิจไปที่บทสวดจะได้ลืมความเจ็บปวด สุดท้ายตาย นี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบมืออาชีพ เพราะปัญหาแบบนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ต้องร่วมกันทุกกระทรวงอย่ามาแบ่งว่าเป็นกระทรวงของพรรคไหน หากแก้ปัญหาที่มาจากการเผาก็ต้องยุติการเผาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

น.ส.นันทนา กล่าวว่า โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำเลยอันดับหนึ่ง เพราะการเผาเกิดจากห่วงโซ่การผลิตของเกษตรกร เผาเมื่อเตรียมปลูกใหม่ เผาเพื่อส่งอ้อย ข้าวโพด เข้าโรงงาน เผาเพื่อทำลายซัง กระทรวงเกษตรฯ ต้องคุมเข้มไม่ให้มีการเผาทุกขั้นตอน ใครเผาขึ้นแบล็คลิสต์ ตัดความช่วยเหลือทุกอย่างจากรัฐ ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมต้องควบคุมการหีบอ้อย การผลิตอาหารสัตว์จากข้าวโพดไม่ให้มีการเผาในทุกกรณี หากโรงงานไม่ปฏิบัติตามก็ดำเนินการตามกฎหมายไม่มีการเกี้ยเซียะกัน กระทรวงพาณิชย์ ควบคุมการซื้อขายผลิตผลทางการเกษตรต้องไม่มาจากการเผาทุกรณี รวมทั้งการซื้อโภคภัณฑ์จากต่างประเทศ ต้องตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าไม่มีที่มาจากการเผาใดๆ กระทรวงมหาดไทยต้องใช้กลไกการปกครองส่วนภูมิภาคตรวจจับการเผาทุกกรณีและลงโทษทางกฎหมายสูงสุดกระทรวงการต่างประเทศต้องเจรจากับประเทศในอาเซียนให้ปฏิบัติตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน นี่คือตัวอย่างข้อเสนอแนะและแนวทางในการแก้ปัญหาฝุ่นฝุ่น PM 2.5

“ประเทศนี้ไม่ใช่ของรัฐบาล เราทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันหน้าที่ของ ส.ว. คือการตรวจสอบถ่วงดุลและเสนอแนะแนวทางแก่รัฐบาลเพื่อให้บริหารประเทศไปถูกทางแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างถูกจุด จึงขอวิงวอน ส.ว.ทุกท่านว่าเห็นแก่ประชาชนที่จ่ายเงินเดือนให้กับเราทุกคน ขอให้รับญัตตินี้แล้วช่วยกันอภิปรายระดมสมองหาทางอกในวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ส่งต่อไปให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป” น.สซ.นันทนา กล่าว

จากนั้น เปิดให้สมาชิกอภิปรายแสดงความคิดเห็น ซึ่ง ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับญัตตินี้ และต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยด่วน เพราะถือว่ามีผลกระทบต่อประชาชนอย่างมาก เช่น ด้าน นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ ส.ว. กลุ่มท่องเที่ยว ลุกขึ้นอภิปรายด้วยความอัดอั้นว่า ตนเป็นผู้ประสบภัย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ตนเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตของประชาชน ในขณะเดียวกันถ้าเราบ่นไปกันเยอะๆ มันทำลายการท่องเที่ยวของตนด้วย ตอนนี้คู่แข่งเขาบอกว่ามาเมืองไทยจะเป็นมะเร็งปอด เพราะฉะนั้น ในความเห็นของตนมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตนเข้าใจและวันนี้ตนก็จะขอมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

“การบ่นร้อยครั้ง ไม่เท่ากับบอกครั้งเดียว วันนี้ดิฉันจะขอบอกการแก้ปัญหามีหลายมิติ แต่ของดิฉันตอนนี้เกิดจากดิฉันเป็นผู้ประสบภัยโดยตรง จากการที่รถเมล์ขนส่งมวลชนกรุงเทพ ตอนนี้มีทั้งหมดเกือบ 3,000 คัน แต่คันที่มีปัญหาคือสีส้มกับสีแดงครีม ทุกสาย 1,560 คัน ตอนนี้วิ่งไปทุกที่ทุกเขตของ กทม. ดิฉันมาจากห้วยขวางถึงรัฐสภา ตามรถควันดำทุกครั้ง โดยเฉพาะก่อนจะกลับบ้านที่พัทยา จะผ่านตรง ขสมก. ต้นสายเลย ตรงศูนย์วัฒนธรรม อยู่ในกับดักของรถเมล์ที่ปล่อยควันดำไม่ต่ำกว่า 3-4 คัน ขนาดเราอยู่ในรถแอร์เย็นๆ เรายังรู้สึกเหม็น รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เพราะฉะนั้น ดิฉันขอแจ้งไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเราแก้ปัญหาให้ถูกที่คัน ทำให้เป็นรูปธรรม รถควันดำกำจัดได้ก็ให้กำจัด ยกเลิกได้ก็ให้ยกเลิก เพราะอายุแต่ละคันไม่ต่ำกว่า 30 ปีน่าจะปลดประจำการได้แล้ว” นางประทุม กล่าว

ขณะที่ นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ สว. กล่าวว่า อากาศสะอาดคือพื้นฐานชีวิตของคนไทย ไม่แน่ใจว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะคุ้นกับคำนี้หรือไม่ คำนี้เป็นคำที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดไว้ตั้งแต่ตอนที่ท่านหาเสียงเลือกตั้ง ยังไม่ได้เป็นนายกฯ 

“คุณแพทองธาร ก็บอกว่าเพราะอากาศสะอาดคือพื้นฐานของชีวิตคนไทย ดิฉันกล้าที่จะตัดสินใจเข้าไปปุ๊บจะทำทันที แล้วมันก็ออกมาเป็นอย่างนี้ ทุกคนคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมันแย่มากๆ ทั้งที่เรื่องฝุ่น เป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่ปี 2562 มีแผนยุทธศาสตร์ต่างๆต่อเนื่องมาจนถึงปี 2567 แต่ดูเหมือนปี 2568 จะยังไม่มีแผนอะไรออกมา ผมก็ไม่เข้าใจว่าวาระแห่งชาติมันเป็นชาติไหน หรือยังไง” นายสุนทร กล่าว

นายสุนทร กล่าวว่า ตนไม่อยากใช้ข้อมูลตัวเลขอะไรมากมาย ที่มีทั้งในโซเชียลและการประชุมวิชาการต่างๆ ว่าฝุ่นพิษมันทำอันตรายชาชนชีวิตของประชาชนขนาดไหน นอกจากนั้น มันยังทำความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างยิ่ง ซึ่งสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติเคยคิดตัวเลขคร่าวๆไว้ว่ามากกว่า 4 แสนล้านบาท ถ้าคิดความเสียหายมาถึงปัจจุบัน มันน่าจะถึงล้านล้านบาทแล้ว

นายสุนทร เปิดภาพฝุ่นในพื้นที่ กทม. เด็กอนุบาลเลือดกำเดาไหลไม่หยุด พร้อมตั้งคำถามว่า เราอยู่เมืองในหมอกหรืออย่างไร ซึ่งมันเกินกว่าที่เราจะพูดไปแล้วว่ามันเป็นอย่างไร ตนทนไม่ไหวจริงๆ เราจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไร ถ้าคนในภาพเป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจ ผู้บริหารประเทศ ตนเชื่อว่าท่านจะแก้ทันทีเลย และทำอย่างจริงจังด้วย แน่นอน การแก้ปัญหาฝุ่นมันไม่ใช่ดีดนิ้วแล้วจะแก้ได้ ท่านพูดถูก แต่ท่านทำอย่างไร ถ้าบุตรหลานของท่านมีเลือดกำเดาไหล แต่ตนก็รู้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นจริง เพราะลูกหลานของผู้มีอำนาจก็อยู่สุขสบาย เรียนในห้องปลอดฝุ่น แต่มันเกิดกับประชาชนจริงๆ ดังนั้น คำถามของตนเรียบง่ายมาก ท่านนายกรัฐมนตรี รัฐบาล จะแก้ไขอย่างไร อยากให้เรียนมาเป็นข้อๆเลย ว่าในระยะสั้น กลาง ยาวเป็นอย่างไร และจากที่ท่านแก้ไปแล้ว ผลออกมาเป็นอย่างไร

ภายหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอญัตติและนำความเห็นของสมาชิกส่งให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป โดยนายมงคล กล่าวว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์และมีความจำเป็นเร่งด่วน ดังนั้น ตนเห็นควรมอบหมายให้คณะ กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา รับเรื่องนี้ไปพิจารณาด้วย

นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามมาตรการส่งเสริมให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะสำหรับรถไฟฟ้าทุกสายทาง และรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ฟรี ระหว่างวันที่ 25 – 31 มกราคม 2568 รวม 7 วัน เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากยานพาหนะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 

จากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ขสมก. ได้ติดตามข้อมูลสถิติจำนวนผู้โดยสาร เปรียบเทียบระหว่างวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 กับวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 พบว่ามีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน คิดเป็นร้อยละ 43 ทั้งนี้ ขสมก. จะติดตามข้อมูลสถิติจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็น เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับการเดินรถให้สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งกำชับการตรวจสภาพรถโดยสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และตรวจวัดควันดำก่อนนำรถออกให้บริการทุกคัน ซึ่งช่วยลดการเกิดมลภาวะทางอากาศอีกทางหนึ่ง

Message us