งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 หรือ มอเตอร์โชว์ 2568 (Motor Show 2025) ปิดฉากลงแล้ว ตลอดระยะเวลาของการจัดงาน 14 วัน คือ ระหว่างวันที่ 24 มี.ค.-6 เม.ย. 2568 ถือว่า ประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานอย่างล้นหลาม โดยปรากฏว่าค่ายรถยนต์ต่างๆ มียอดจองรถในงานเกินความคาดหมาย และคาดว่าปีนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่มียอดจองมากว่า 50,000 คัน (ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ) ซึ่งขณะนี้ค่ายรถต่างๆอยู่ระหว่างการพยายามรวบรวมข้อมูลสถิติยอดจองเพื่อแจ้งให้กับผู้จัดงานอย่างเป็นทางการรวบรวมตัวเลขยอดจองจากค่ายรถบางส่วนมาดูกันว่า แบรนด์ไหน ยี่ห้อใดจะปิดยอดจองจากงานมอเตอร์โชว์ 2025 เท่าใดบ้าง
หลังปิดงานอย่างเป็นทางการ ก็พบว่ามีหลายบู๊ธที่ประกาศตัวเลขกันทันที โดยเท่าที่ติดตามข้อมูลได้พบว่า ค่ายที่โดดเด่นที่สุด คือ บีวายดี รวมกับเดนซ่า ที่มีตัวเลขยอดจอง 10,353 คัน ช่วงเริ่มต้นงาน บีวายดี เปิดเกมรุกอีกครั้งกับการหั่นราคาหลายรุ่น สูงสุด 150,000 บาท ทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยรุ่นเริ่มต้นอย่าง BYD Dolphin (ดอลฟิน) ที่ปรับลด 110,000 บาท มีค่าตัวเริ่มต้น 499,000 บาท
การขยับตัวของ ดอลฟิน อาจเป็นผลมาจากการเปิดตัว Aion UT (ไอออน ยูที) ที่แม้จะยังไม่กำหนดราคาทางการ แต่ระบุว่าอยู่ในระดับ 49X,XXX บาท นอกจาก Dolphin แล้ว BYD ยังหั่นราคา ATTO3 (แอทโต3) ลง 100,000 แสนบาท ทั้ง 2 รุ่นย่อย ราคาเริ่ม ต้น 699,900 บาท ขณะที่ Sealion7 (ซีไลอ้อน 7) ลดราคา 150,000 บาท Sealion6 (ซีไลอ้อน6) ลด 100,000 บาท จาก 999,900 บาท และ 1,099,900 บาท เหลือ 899,900 บาท และ 999,900 บาท
ทั้งนี้สำหรับยอดจองบีวายดี ประกอบด้วย
- Dolphin 4,014 คัน
- SEALION7 2,038 คัน
- ATTO3 2,019 คัน
- SEALION6 1,115 คัน
- M6 323 คัน
- SEAL 257 คัน
- SHARK6 153 คัน
- DENZA D9 534 คัน
ทั้งนี้หากเทียบกับงาน มหกรรมยานยนต์ ช่วงปลายปี 2567 พบว่ายอดจอง บีวายดี และเดนซ่าสูงขึ้น โดยในงานมหกรรมยานยนต์มีตัวเลข 7,615 คัน
ส่วนแบรนด์อื่น ๆ ที่ประกาศตัวเลขยอดจองในงาน เช่น
- GAC AION 7,018 คัน
- Deepal + AVATR 6,589 คัน
- MG 5,910 คัน
- GWM 4,597 คัน
- Nissan 3,139
- OMODA & JAECOO 2,568 คัน
- Mazda 2,353 คัน
- ZEEKR 1,196 คัน
- SUZUKI 1,023 คัน
- Geely 1,018 คัน
- Ford 1,000 คัน
- Riddara 671 คัน
ซึ่งหลายแบรนด์ก็มีรถใหม่เปิดตัว รวมถึงแบรนด์เดิมอย่างนิสสัน ที่ทำยอดจองได้ไม่เลว โดยปีนี้นิสสัน มีตัวเสริมหลักคือ เซเรน่า อี-พาวเวอร์ หลังจากที่ช่วงปลายปีที่แล้ว เปิดตัว รุ่น S Hybrid ซึ่งเป็น Mild Hybrid
หรือเอ็มจี ที่มียอดจองที่ดีเช่นกัน พบว่ารถรุ่นใหม่ IM6 ทำยอดจองได้ 1,360 คัน
ทั้งนี้ ไอเอ็ม 6 ปรับลดราคาลงในงาน 100,000 บาท หลังจากเปิดราคาทางการได้ไม่กี่วัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ บีวายดี หั่นราคารถในตระกูล ซีไลอ้อน ลงมานั่นเอง
หรือ S5 EV รถที่จะมาชิงตลาด บี-เอสยูวี มียอด 1,300 คัน ขณะที่ MG4 ซึ่งเป็นรถที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอยู่แล้ว
โดยเฉพาะสมรรถนะ และฟีลลิงในการขับขี่ ทำยอดจองได้ 1,877 คัน หลังจากที่เอ็มจี โดดสู้สงครามราคา โดยปรับลดลง 105,000 -150,000 บาท ทำให้สามารถซื้อเอ็มจี 4 ได้ในราคาเริ่มต้น 559,900 บาท
และไม่ได้เพียง 2 แบรนด์ แต่ในงานนี้ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่นำเสนอราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดลูกค้ากันอย่างคึกคัก และก็จะมีผลต่อยอดจองไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามต้องรอลุ้นว่าภาพรวมทั้งงาน จะมียอดจองกี่คัน และเทียบกับปีที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร
ด้านนายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระบุว่าเหตุผลหลักมาจากการที่งานปีนี้มีรถรุ่นใหม่ ๆ เปิดตัวหลายรุ่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถ xEV หรือ รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ทั้งร่วมกับเครื่องยนต์ หรือไฟฟ้า 100% ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันในตลาดกันค่อนข้างสูงรวมถึงยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกหลายรุ่น
และต้องไปลุ้นอีกทีว่าจะเปลี่ยนยอดจองเป็นยอดขายได้ทั้งหมดเท่าไร เพราะยังต้องผ่านกระบวนการอื่น ๆ เช่น การอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงผู้จองจะเปลี่ยนใจยกเลิกการจองมากน้อยแค่ไหน
โดยงานปีนี้มีแบรนด์รถยนต์เข้าร่วมงาน 41 แบรนด์
สำหรับสถิติยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ ช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย
- ปี 2563 ยอดจอง 18,381 คัน (โควิด-19 ระบาดหนัก)
- ปี 2564 ยอดจอง 27,886 คัน
- ปี 2565 ยอดจอง 31,896 คัน
- ปี 2566 ยอดจอง 42,885 คัน
- ปี 2567 ยอดจอง 53,438 คัน
ขณะที่ยอดจองปี 2567 เท่าที่รวบรวม 12 แบรนด์ มียอด 47,435 คัน จึงน่าคิดว่าเมื่อรวมกับอีก 29 แบรนด์ที่เหลือ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ใหญ่ ๆ หลายแบรนด์ อย่างโตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ หรือ แบรนด์พรีเมียม เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ฯลฯ ตัวเลขการจองจะสูงกว่าปีที่แล้วมากแค่ไหน
