
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 200 หมู่ 8 ซ.รัตนาธิเบศร์ 24 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จึงได้ประสานรถน้ำจากเทศบาลนครนนทบุรี จำนวน 2 คัน ระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดแสงเพลิงไม่ให้ลุกลาม จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ภายในบ้านบริเวณชั้นล่าง พบคราบเขม่าควันดำ และข้าวของถูกเพลิงไหม้กระจัดกระจาย พบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายชัยพร สุทธเธนทร์ อายุ 62 ปี ถูกไฟคลอกเสียชีวิต สภาพศพไหม้เกรียม ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ น.ส.ธัญญพัทธ์ ธนสารพงศ์สิน อายุ 72 ปี อาจารย์เกษียณราชการ สำลักควันไฟ ตามเนื้อตัวมีคราบเขม่าควันดำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า

จากการสอบถามนางอรอุมา ตั้งศักดิ์ชัยสกุล เจ้าของบ้าน กล่าวว่า บ้านหลังนี้ได้ปล่อยให้ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตเช่ามานานหลายสิบปีแล้ว ตนทราบจากเพื่อนบ้านโทรมาแจ้งว่า เกิดเหตุไฟไหม้และได้ยินเสียงระเบิด 2 ครั้ง เมื่อช่วงเวลาประมาณตี 5 จึงรีบเดินทางมา พอเดินทางมาถึงก็พบว่า ผู้ที่เป็นน้องชาย หรือคุณลุง อายุ 62 ปี นอนเสียชีวิตถูกไฟคลอกอยู่บริเวณชั้นล่างของบ้าน ทราบข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวและเดินไม่ค่อยสะดวก ได้นอนพักอยู่บริเวณ ด้านล่างบ้าน และจุดที่นอนอยู่จะมีปลั๊กไฟอยู่ใกล้ที่นอน บริเวณใกล้ที่นอนมีหนังสือกองเป็นจำนวนมาก ส่วนน.ส.ธัญญพัทธ์ อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวกับผู้เสียชีวิต พักอาศัยอยู่ข้างบนบ้าน มีอาการสำลักควันไฟเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า

น.ส.วิชชุดา วิศววิลาวัณย์ อายุ 35 ปี เจ้าของบ้านหลังที่อยู่ติดกันเล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาประมาณ 05.25 น. ตนออกมาทำกับข้าวได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง จากนั้นก็ได้กลิ่นควันไฟจึงวิ่งออกมาดูบริเวณหน้าบ้าน เห็นควันไฟออกมาจากบ้านข้างๆ จึงรีบตะโกนเรียกบอกชาวบ้าน ว่า มีไฟไหม้ ชาวบ้านได้ช่วยกันหาทางดับไฟ และตะโกนเรียกเจ้าของบ้านอยู่ตลอดเวลา กระทั่งชาวบ้านตัดสินใจพังประตูบ้านเข้าไปเพื่อช่วยเหลือคนที่อยู่ภายในบ้าน พบคุณลุงที่นอนอยู่ชั้นล่างถูกไฟคลอกเสียชีวิตแล้ว จึงรีบเรียกอาจารย์ซึ่งเป็นพี่สาว อาจารย์ได้เปิดหน้าต่างออกมาจากชั้น 2 และตะโกนขอความช่วยเหลือ จนเจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้ามาช่วยเหลือสำเร็จ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบสาเหตุเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ และยังประเมินค่าเสียหายไม่ได้ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
ข่าว/ภาพ : ธนกร มณีกิจ ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี