สภาฯวุ่นตอนดึกนับองค์ประชุมขานชื่อก้าวไกลไม่แสดงตน

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผูัแทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเสร็จแล้ว

ทั้งนี้ สมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วย แต่ยังมีสมาชิกบางส่วนโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลยังเห็นว่า รายงานฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ โดยเสนอแนะให้มีมาตรการควบคุมป้องกันการพนันใต้ดิน การฟอกเงินผิด หรือทุนสีเทาจากต่างชาติเข้ามาครอบงำ นอกจากนี้ยังเสนอให้นำกีฬาพื้นบ้าน อาทิ ไก่ชน วัวชน เข้ามาพิจารณาใส่ในการพิจารณาศึกษาสถานบันเทิงครบวงจรด้วย

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายตอนหนึ่งว่า มีการพูดคุยกันในรายงานนี้ บอกว่าจังหวัดที่มีศักยภาพมี 44 จังหวัด แต่พูดตามตรงที่ท่านตกลงกันด้านหลังว่า อู่ตะเภาคือที่แรกที่จะทำรวมถึงเซ็นสัญญาไปแล้ว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นความโปร่งใสอยู่ตรงไหน เท่ากับว่าท่านล็อคไว้แล้วว่ากาสิโน จะอยู่ภายใต้การดูแลของใคร ตนได้พยายามเช็คพยายามเช็คอีเมลได้มีต่างชาติส่งรายงานของยูเอ็นที่กังวลต่อการผลักดันเรื่องนี้ เพราะเขากลัวว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์รวมจีนเทาแห่งใหม่ที่อาจเกิดได้

“เราทำในเรื่องการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์เศรษฐกิจประเทศ แต่ผลออกมาเน้นแต่ด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ด้านกฎหมายไม่มีเลย ถ้าไปอ่านรายงานโดยละเอียด เมื่อถามว่าจะแก้พนันผิดกฎหมายอย่างไร สรุปแก้ไม่ได้ ให้เป็นเรื่องของตำรวจ แล้วที่เรารับอานัติจากสภาที่ต้องประชุมกมธ.แล้วเราจะได้อะไรกลับมา ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้คัดค้านการมีกาสิโนในไทย แต่ทำแล้วต้องทำให้มันดี ทำแล้วต้องแก้ปัญหาการฟอกเงิน ไม่สร้างปัญหาใหม่ นี่คือที่เราต้องการ ก็ขอฝากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้เอารายงานฉบับนี้กลับไปทำมาใหม่” นายรังสิมันต์ กล่าว

จากนั้นในเวลา18.30 น. ก่อนที่จะมีการลงมติในรายงานฯ นายชุติพงษ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นหารือขอเสนอให้มีการนับองค์ประชุม โดยให้เหตุผลว่า อยากเห็นความมุ่งมั่นจากฝ่ายรัฐบาลในเรื่องนี้ ทำให้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะวิปรัฐบาล ลุกขึ้นชี้แจงว่า ได้คุยกับวิปทั้ง2ฝ่าย ว่าจะจบการประชุมกลด้วยความร่วมมือด้วยดี ดังนั้นรายงานฯฉบับนี้ ข้อคิดเห็น ติชม เชื่อว่ากมธ.ฯจะนำสิ่งนี้มารวมเล่มอยู่ในรายงานด้วย ที่ผ่านมาเราให้เกียรติกันว่าสมาชิกตั้งใจทำรายงานฯขึ้นมา แต่ถ้านายชุติพงษ์ เล่นเกมแบบนี้ ในอนาคตถ้าเป็นรายงานฯของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตนจะไม่รับสักเล่ม

ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่การที่นายชุติพงษ์ เสนอแบบนี้ ทำให้ข้อตกลงของวิปทั้ง2ฝ่ายไม่ศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่ ดังนั้นหมายความว่าในสัปดาห์หน้าเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายตามมาตรา152 ซึ่งข้อตกลงของวิปฯให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาล เพื่ออะลุ่มอะล่วยกัน ถ้าไม่ตกลงตามข้อตกลงของวิปทั้ง2ฝ่าย เรื่องเวลาตนขอไม่เป็นตามเดิมแล้ว เรามาแบ่งเวลาในการอภิปรายมาตรา152กันใหม่ สัปดาห์หน้าตนของนับองค์ประชุมบ้างได้หรือไม่ ถ้าทำกันแบบนี้

ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากสัปดาห์หน้าอยากจะหนีการตรวจสอบโดยการให้มีการนับองค์ประชุม ก็ลองดู

นายชุติพงษ์ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่าไม่ได้พลิกมติวิปทั้ง2ฝ่าย แต่เราอยากให้กมธ.ฯถอนรายงานกลับไปพิจารณาอีกครั้ง เพื่อนำกลับเข้ามาพิจารณาใหม่ ตนยืนยันว่าพร้อมจะลงมติให้อยู่แล้ว แต่วิปทั้ง2ฝ่ายยังถกเถียงจนยังไม่ได้ข้อตกลง จนกระทั่งนายอรรถกร ลุกขึ้นเสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ จะได้รู้กันไปเลยว่าในวันนี้(28มี.ค.) มีใครมาเข้าประชุมบ้าง

จากนั้น นายพิเชษฐ์ ประธานที่ประชุม วินิจฉัยว่า ขอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ แม้ทางสส.พรรคก้าวไกล จะทักท้วงว่า ขณะนี้มี2ญัตติคือ ฝ่ายหนึ่งเสนอให้มีการนับองค์ประชุมโดยการเสียบบัตร กับอีกฝ่ายเสนอให้นับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ ดังนั้นจะต้องมีการลงมติชี้ขาดใน2ญัตตินี้ว่าจะเอาแบบใด มิฉะนั้นจะเป็นญัตติซ้อนญัตติที่ขัดกัน ไม่เป็นตามข้อบังคับ และหากทำแบบนี้ จะทำให้เกิดเป็นบรรทัดฐานต่อไป แต่ไม่เป็นผล นายพิเชษฐ์ ได้แจ้งว่า วินิจฉัยไปแล้วให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ และได้เริ่มนับองค์ประชุมในเวลา 19.00 น.ใช้เวลานับองค์ประชุมกว่า 1 ชั่วโมง ผลปรากฎว่ามีผู้อยู่ในห้องประชุม 258 คนถือว่าครบองค์ประชุม โดยสส.พรรคก้าวไกลไม่แสดงตนเลยแม้แต่คนเดียว จากนั้นได้มีการลงมติในรายงานขอกรรมาธิการฯ โดยที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นด้วยกับรายงานของกรรมาธิการฯเกี่ยวกับเรื่องกาสิโสก่อนส่งให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป

Message us