
ที่ จ.นครพนม ในช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งส.ส.ที่จะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม และมีการวางปฏิทินการเลือกตั้ง ในช่วงต้นเดือน พฤษภาคม ไม่ว่าจะมีการครบวาระตามกำหนด หรือมีการยุบสภา พื้นที่ จ.นครพนม ถือเป็นอีกจังหวัดชายแดนอีสาน ที่น่าจับตามองในการเลือกตั้งครั้งนี้ จากภาพรวมการเลือกตั้งที่ผ่านมา ฟันธงได้ ว่าการเลือกตั้งผู้แทน ที่จะมาถึง จะเป็นเพียงการวัดบารมีของ 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทยมาทุกสมัย ชนะการเลือกตั้งทั้ง 4 เขตมาตลอดกาล ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนจนถึงพรรคเพื่อไทย
กระทั่งมีการปรับขั้วการเมืองใหม่เมื่อปี 2552 หลังจาก สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว อดีต ส.ส. พรรคพลังประชาชน เขต 1 นครพนม ยอมทิ้งคนเสื้อแดงหันไปร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง กับครูใหญ่ เนวิน สร้างพรรคภูมิใจไทย หลังจากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ จนได้ตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนกระทั่ง การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส. เขต 1 นครพนม พรรคภูมิใจไทย ถูกประชาชนพิพากษาพ่ายการเลือกตั้ง หลังถูกโจมตีย้ายพรรค ทำให้ นายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ อดีต ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง
มาถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ทำให้กระแสการแข่งขันทางการเมือง เริ่มดุเดือดขึ้นอีกเท่าตัว สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส. เขต 1 นครพนม พรรคภูมิใจไทย พยายามจัดทัพสร้างฐานคะแนนนิยมทางการเมือง ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน มาต่อเนื่อง ตลอดเวลา 7 – 8 ปี ทำให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ หสามารถฝ่ากระแสความนิยมพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งมาได้เพียงคนเดียว ในเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.ศรีสงคราม อ.นาทม และ อ.บ้านแพง ด้วยคะแนนท่วมท้น กว่า 34,000 คะแนน ชนะนายยุทธจักรเรือง วรบูรณ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย เขต 1 นครพนม แชมป์เก่า มากกว่า 20,000 แต้ม
เขตเลือกตั้งที่ 2 อ.เมือง อ.ท่าอุเทน และ อ.โพนสวรรค์ ยังเป็นแชมป์เก่า ดร.มนพร เจริญศรี ส.ส.นคพรนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง ได้คะแนนท่วมท้น กว่า 22,000 คะแนน อันดับสอง คือ หลานสาวพ่อใหญ่จิ๋ว นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ หรือน้ำผึ้ง สมัคร ในนาม ส.ส.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ แพ้ห่างนับ 10,000 คะแนน

เขตเลือกตั้งที่ 3 อ.เมืองนครพนมบางส่วน อ.ธาตุพนม และ อ.เรณูนคร ยังเป็นของผู้แทนขวัญใจประชาชน แชมป์ตลอดกาล คือ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย แชมป์ 11 สมัย ได้คะแนนกว่า 18,000 คะแนน เอาชนะคู่แข่ง คือ นพ.อลงกต มณีกาศ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 นครพนม พรรคพลังประชารัฐ ห่างกันประมาณ 2,000 คะแนน
สำหรับ เขตเลือกตั้งที่ 4 อ.นาแก อ.วังยาง อ.ปลาปาก และ อ.เมืองนครพนม บางส่วน ต้องยอมรับว่าเป็นเขตที่ชี้วัดว่า พรรคเพื่อไทย มีฐานคะแนนนิยมสูง เนื่องจาก นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ต้องมีความจำเป็น ย้ายมาลงสมัคร ส.ส. เขต 4 นครพนม พรรคเพื่อไทย หลังจาก นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส. เขต 4 นครพนม พรรคเพื่อไทย แชมป์เก่า ถูกพลังดูดไปสังกัด พรรคพลังประชารัฐ แต่ยังทำให้นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ชนะการเลือกตั้งเกินความคาดหมายด้วยคะแนนกว่า 24,000 คะแนน ห่างอันดับสอง คู่แข่ง คือ นายชูกัน กุลวงษากว่า 10,000 คะแนน
มาถึงการเลือกตั้ง 2566 ที่จะมาถึง ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทย จะต้องเจอศึกหนัก ทั้งการวางตัวผู้สมัคร ของพรรคภูมิใจไทย รวมถึง กฎหมายการเลือกตั้งที่ให้มีการเลือกตั้ง แบบบัตร 2 ใบ เลือกพรรค และเลือกคนที่อาจทำให้พรรคเพื่อไทย เสียคะแนนนิยมส่วนตัวของผู้สมัคร หากไม่มีการวางตัวผู้สมัครที่มีฐานคะแนนนิยมที่เหนียวแน่น โดยการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.นครพนม จะแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ รวม 4 เขตเลือกตั้ง มีประชากรทั้งหมด ประมาณ 7 แสนคน จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 5.6 แสนคน มีผู้มาใช้สิทธิ์ ประมาณร้อยละ 70 หรือประมาณ 3.8 แสนคน
ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งที่ จะมาถึง สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย แม่ทัพคนสำคัญของนครพนม ได้มีการปรับทัพใหม่ เพื่อช่วงชิงเก้าอี้ทั้ง 4 เขต ของ จ.นครพนม โดยอาศัย ช่องว่างของการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เลือกพรรค และเลือกคนที่โอกาสพรรคเพื่อไทย จะเสียคะแนนนิยม มากขึ้นกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา พร้อมปรับการวางตัวผู้สมัครทุกเขต เพราะถือว่าเป็นการเลือกตั้งชี้อนาคตทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย หากไม่สามารถล้มแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยได้ กลับมาชนะทั้ง 4 เขต โอกาสที่พรรคภูมิใจไทย จะกลับมาชิงเก้าอี้ในอนาคตคงยาก เพราะพ่ายการเลือกตั้งมาตลอดไม่แตกต่างจากพรรคพลังประชารัฐ

ทำให้ สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ ยอมทิ้งฐานที่มั่นเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.ศรีสงคราม อ.นาหว้า และ อ.บ้านแพง ส่งภรรยา คือ นางพูนสุข โพธิ์สุ อดีตข้าราชการครู อดีต รอง นายก อบจ.นครพนม ลงสู้ศึกแทน ชนกับ ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ล่าสุด มาลงสมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย ส่วน สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว เตรียมหันมาลงสมัคร เขต 2 พรรคภูมิใจไทย หวังล้มแชมป์เก่า คือ ดร.มนพร เจริญศรี ส.ส.เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 พรรคภูมิใจไทย ดึงเอา นพ.อลงกต มณีกาศ อดีต ผู้สมัคร พรรคพลังประชารัฐ ย้ายมาเตรียมสมัคร ส.ส. เขต 3 นครพนม พรรคภูมิใจไทย หวังล้างตากับ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.แชมป์ ตลาดกาล 11 สมัย หลังคาใจแพ้การเลือกตั้งประมาณ 2,000 คะแนน
สำหรับ เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรคภูมิใจไทย ดึงเอา นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ มารอบนี้ ย้ายมาสังกัดเตรียมลงสมัคร ส.ส.เขต 4 พรรคภูมิใจไทย หวังล้มแชมป์ คือ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.เขต 4 นครพนม พรรคเพื่อไทย ที่ย้ายไปสังกัด พรรคไทยสร้างไทย ส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ส่ง นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ อดีต ผู้สมัคร นายก อบจ.นครพนม มาลงสมัคร ส.ส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ ยังมี ดร.สมชอบ นิติพจน์ อดีต นายก อบจ.นครพนม ที่เคยลงสมัคร ในนามพรรคเพื่อไทย หลังแพ้การเลือกตั้ง ได้ทิ้งพรรคเพื่อไทย เตรียมลงสมัคร ส.ส. เขต 4 นครพนม ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้เขตเลือกตั้งเขตนี้ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เพราะถือว่าแต่ละพรรค มีผู้สมัคร ที่คะแนนนิยมสูสี แต่พรรคเพื่อไทย ต้องเจอวิกฤติเสียงแตก หลังจากนำผู้สมัคร หน้าใหม่มาเปิดตัว และจะต้องถูกหารคะแนนออกเป็นหลายส่วน โอกาสเสียเก้าอี้สูง หากผู้สมัครไม่สามารถเรียกคะแนนนิยมส่วนตัวได้ เพราะเป็นการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ
หากถามถึงที่มาของคะแนนนิยมแต่ละพรรค ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ทำให้ผู้สมัครที่มีคะแนนนิยมส่วนตัวได้เปรียบสูง ส่วนคะแนนนิยมพรรค ภาพรวม จ.นครพนม ต้องยอมรับว่า มีฐานความนิยมมายาวนาน และเชื่อว่าจะได้คะแนนนิยมพรรคสูงกว่าทุกพรรค ส่วนการช่วงชิงคะแนนของพรรคภูมิใจไทย นำโดย สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว หลังจากย้ายฐานที่มั่นเขตเลือกตั้ง จากเขต 1 นครพนม เป็นเขตเลือกตั้งที่ 2 จะต้องฝ่ากระแสความนิยมส่วนตัวให้ได้มากที่สุด เพราะคะแนนนิยมพรรคภูมิใจไทย ยังมีปัญหาเรื่องเสียงแตก กรณีเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเป็นฝ่ายเผด็จการ จากเคยหาเสียงไว้จะไม่ร่วมรัฐบาล บวกกับนโยบายกัญชาเสรีไม่สำเร็จ

ส่วนหนึ่งเชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยจะสร้างฐานคะแนนนิยมจากการเมืองท้องถิ่น เนื่องจาก สหายแสง มีลูกสาว คือ น.ส.ศุภพานี โพธิ์สุ หรือนายกขวัญ ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนม เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมาจะมีส่วนช่วยในฐานคะแนน ให้พรรคภูมิใจไทย ทั้ง 12 อำเภอ มาถึงพรรคเพื่อไทย ต้องยอมรับว่า มีคะแนนนิยมพรรคมายาวนาน หากตัวผู้สมัครยังมีคะแนนนิยมส่วนตัวสูง และนโยบายเข้าถึงประชาชน ทำให้มีความได้เปรียบในส่วนของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย หากประชาชนมีกระแสนิยมชัดเจนในการสนับสนุน พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ทำให้ภูมิใจไทย คงยากที่จะฝ่ากระแสเพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเผด็จการ
อย่างไรก็ตาม การเลือกครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า เป็นการเลือกตั้งชี้อนาคตทางการเมือง ทั้ง 2 พรรค ในพื้นที่ จ.นครพนม หากพรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถที่จะล้มแลนด์สไลด์ หรือช่วงชิงเก้าอี้ได้แม้แต่ที่เดียว อนาคตทางการเมืองคงยากที่จะสานต่อสร้างความนิยมทางการเมือง โดยเฉพาะ สหายแสง นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ที่ยอมทิ้งฐานที่มั่นข้ามเขตสมัครเลือกตั้ง ถือว่ามีความเสี่ยงสูง หากพ่ายการเลือกตั้ง ครั้งนี้ โอกาสที่จะกลับมาเส้นทางการเมืองคงยาก
เช่นเดียวกันกับ พรรคเพื่อไทย หากถูกล้มแลนด์สไลด์ สิ่งที่ตามมา คือ จะเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้กับ พรรคภูมิใจไทย แบบเกินความคาดหมาย และอาจจะมีผลต่อการเมืองท้องถิ่นตามมา สำคัญที่สุดทุกพรรคจะต้องเรียกคะแนนนิยมส่วนตัวของผู้สมัครให้ได้มากที่สุด
ข่าว/ภาพ : พัฒนพงษ์ ศรีเพียชัย ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนม