
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ความคืบหน้ากรณี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด กรณีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนว่า เป็นคำสั่งที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” หลังจากได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) แล้วคณะกรรมการ ก.พ.ค.ตร. มีมติยกคำร้องอุทธรณ์ โดยเป็นการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ตามสิทธิทางกฎหมาย
ต่อมา คณะอนุกรรมการศาลปกครองสูงสุด มีความเห็นว่า คำสั่งดังกล่าว “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” เห็นควรเยียวยาตามคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ผู้ร้อง ซึ่งได้ระบุ ให้เยียวยาด้วยการกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิม
จนกระทั่งประธานศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้นำคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดในวันนี้นี้ (13 พ.ย.) (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน!! ศาลปกครองสูงสุด ถกคดี’บิ๊กโจ๊ก’13 พ.ย.นี้ ลุ้นระทึกคืนชีพคัมแบ็ก ตร.)
ล่าสุด ศาลปกครองสูงสุดได้มีมติยกคำร้องคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ โดยชี้ว่า คำสั่งให้ออกราชการนั้นชอบแล้ว ส่งผลให้พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยังไม่สามารถกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เหมือนเดิมได้