
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกเอกสารข่าว ระบุว่า พันตำรวจเอกคมวุฒิ จองบุญวัฒนา ผู้กำกับการด่านตรวจท่าอากาศยานกรุงเทพ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้นำบุคคลตามหมายจับมาส่งต่อศาล
ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสามคดียืนยันว่า บุคคลที่ อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี จำเลยหรือจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นจำเลยในคดีทั้งสาม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตรวจสอบบุคคลที่ อยู่ต่อหน้าศาลแล้ว เป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี ดังนี้
(๑) คดีหมายเลขดำที่ อม. ๓/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ระหว่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย
กรณีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อจำนวน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลสหภาพพม่า โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน เพื่อนำเงินกู้ดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น
(๒) คดีหมายเลขดำที่ อม. ๑/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑๐/๒๕๕๒ ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จำเลย
กรณีเร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดินในปี 2546-2549 ซึ่งแม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีกลับไม่ได้มีการยับยั้ง จนทำให้เกิดความเสียหาย
(๓) คดีหมายเลขดำที่ อม. ๙/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ของศาลนี้ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโททักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยจึงรับตัวจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดีดังกล่าวไว้ คดีให้บุคคลอื่น(นอมินี)ถือหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐ และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม
ศาลได้แจ้งให้จำเลยหรือจำเลยที่ 1 ทราบคำพิพากษาแล้ว โดยคดีหมายเลขดำที่ อม. ๓/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ลงโทษจำคุก 3 ปี (สามปี) คดีหมายเลขดำที่ อม. ๑/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑๐/๒๕๕๒ ลงโทษจำคุก 2 ปี (สองปี) และคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. ๙/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ลงโทษจำคุกรวม 5 ปี (ห้าปี) นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๔/๒๕๕๓ และต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑๐/๒๕๕๒
ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว