
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดใหม่ (All-time high) อีกครั้ง จากแรงหนุนความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐครั้งนี้ อาจทำให้หนี้สาธารณะปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงภาวะเงินเฟ้อด้วย อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเฟดรอบสัปดาห์หน้าหรือต้นเดือนพฤศจิกายน โดยตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่วนกองทุนทองคำ SPDR ขายทองคำรวมกว่า 1.72 ตัน
ทั้งนี้ ราคาทองคำในไทยวันนี้ เวลา 14.30 น. มีการปรับเปลี่ยนราคาแล้ว 8 ครั้ง เป็นตลาดสมาคมค้าทองคำประกาศปรับราคาครั้งแรก 350 บาท จากนั้นทยอยปรับขึ้นครั้งละ 50 บาท ต่อเนื่อง 5 ครั้ง และปรับลด 1 ครั้ง ทำให้ราคาทองคำสูงกว่าวันก่อนหน้าอีก 550 บาทต่อบาททองคำ ทำให้ราคาทองแท่ง รับซื้อ (บาท) 44,400 บาท ขายออก (บาท) 44,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ (บาท) 43,600.16 บาท ขายออก (บาท) 45,000 บาท ราคาทองคำโลก 2,786 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และ ค่าบาท 33.75 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
นายธนรัชต์ กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ เป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม โดยคืนวันนี้ (30 ตุลาคม) สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนตุลาคม ของ ADP จีดีพีไตรมาส 3/2567 ประมาณการครั้งที่ 1 และยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนกันยายน ที่ผ่านมา โดย แรงซื้อทองคำยังมีเข้ามาอย่างมากโดยเฉพาะช่วงกลางคืน ดันราคาทองคำทำ All-time High ใหม่ โดยสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำสะท้อนคาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้าน 2,800 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 44,350 บาท และ 44,450 บาทต่อบาททองคำ
ผู้ค้าทองคำย่านเยาวราช กล่าวว่า ราคาทองคำอยู่ในภาวะผันผวน และต่อเนื่องไปจนกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐผ่านไป ความชัดเจนต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด และตัวเลขปัจจัยทางเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมา ทำให้เกิดการชะงักต่อการซื้อทองคำในช่วงนี้ จะเป็นการผันผวนของราคา มากกว่ามีการซื้อขายจริง และราคาทองคำที่ถูกมองว่าอาจแตะ 45,000 บาท นั้นได้ถึงแล้ว คาดว่าราคาจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย จากนี้ แต่อย่างไรราคาทองคำจะไปล่วงไปหลุด 40,000 บาทแล้ว