
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) ครั้งที่ 2/2567 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนายธีรวุฒิ ธงภักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนางสุรีพร พรโสภณวิชญ์ ผู้อำนวยการกองโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัล สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ตลอดจนคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการทั้งสอง และเห็นชอบข้อเสนอกรอบแนวทางการบริหารจัดการระบบคลาวด์ภาครัฐที่ครอบคลุมการออกแบบระบบงาน การควบคุมมาตรฐาน การศึกษาการปรับแก้กฏหมายที่เกี่ยวข้องตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก พร้อมมอบหมายคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างบริการคลาวด์ภาครัฐ และ คณะอนุกรรมการด้านบริหารจัดการความต้องการใช้บริการคลาวด์ (Demand) การให้บริการคลาวด์ (Supply) และมาตรฐานการบริหารจัดการการบริการคลาวด์ภาครัฐ (Government Cloud Management) ไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเป็นกรอบแนวทางสำหรับหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งมอบหมายสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือ DGA (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ สกมช. ร่วมกันจัดทำรายละเอียดข้อเสนอกรอบนโยบายการจำแนกประเภทข้อมูล เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลพิจารณาให้ความเห็นชอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
“ขอขอบคุณคณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) รวมทั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันขับเคลื่อนแนวทางการบริการคลาวด์ภาครัฐ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนสู่การเป็น ‘รัฐบาลดิจิทัล” เพื่อให้การบริการของภาครัฐ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตอบสนองความต้องการแก่ประชาชนได้อย่างตรงจุด ขณะเดียวกันภาคธุรกิจหลายแห่งให้ความสำคัญ และเริ่มลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องของการลงทุนระบบคลาวด์ และ Data Center อาทิ บริษัท Google และ Damac ที่ได้ประกาศแผนการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งรวมมูลค่าทุกบริษัทที่ประกาศกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ยังมีบริษัทหลายแห่งที่มีฐานการลงทุนภายในประเทศไทย ริเริ่มการขยายโครงสร้างพื้นฐานในการลงทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงทำให้เห็นถึงโอกาสที่ระบบคลาวด์ประเทศไทยจะเจริญเติบโตขึ้นในอนาคต” นายประเสริฐกล่าว
สำหรับ การประชุมในครั้งนี้จะเป็นการกำหนดทิศทางการให้บริการระบบคลาวด์ เพื่อสร้างให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคต่อไป นอกจากนี้ในด้านมาตรฐานความปลอดภัยและความมั่นคงของข้อมูลในระบบนั้น จำเป็นต้องศึกษากฎหมายและระเบียบมาตรฐานของต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อนำมาจัดทำกฏหมายที่รัดกุม เหมาะสม สำหรับการใช้ระบบคลาวด์ในประเทศไทย ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบข้อเสนอแนวทางกำหนดประเภทของข้อมูลที่ต้องรักษาอธิปไตยข้อมูลไว้ ถือเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดกรอบทิศทางของระบบคลาวด์ ในอนาคตให้มีความเหมาะสมและพร้อมต่อการใช้งาน สอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรฐานและเงื่อนไขทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศต่อไป