
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งกระทู้ถามสด กรณีการดำเนินนโยบายการต่างประเทศต่อสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส
นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการเจรจาในการอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการต่างประเทศ เพราะจะเชื่อมโยงไปถึงการค้า การลงทุน อย่างไรก็ดีในการอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบนั้น อยู่ระหว่างการรอสถานการณ์ เนื่องจากประเทศอิสราเอลยังไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ แต่ขณะนี้ได้ประสานไปยังประเทศใกล้เคียง ทั้งจอร์แดนและบาห์เรน

“รัฐบาลยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางพาคนไทยทุกคนกลับมา แม้ว่าตัวเลข 30,000 คน จะมีจำนวนมากก็ตาม อย่างไรก็ดีขณะนี้ได้คุยกับกองทัพ ภาคเอกชน ให้มีช่องทางพาคนไทยทุกคนกลับมา” นายจักรพงษ์กล่าว
นายจักรพงษ์ ชี้แจงอีกว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศ และวางตัวเป็นกลางในปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มาโดยตลอด และได้สนับสนุนแนวทาง 2 รัฐ คือแนวทางรัฐอิสราเอล และปาเลสไตน์อยู่เคียงคู่กัน โดยเป็นไปตามความตกลงระหว่างประเทศและยูเอ็นเอสซี รวมถึงข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เห็นว่าทั้ง 2 รัฐ ควรเร่งเจรจาตกลงในปัญหาเพื่อความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืน

“รัฐบาลขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาที่สันติ ที่จะบรรลุได้จากกการเจรจาที่สันติเท่านั้น ส่วนความรุนแรงที่เกิดขึ้นและมีผู้กระทบต่อคนไทย และทรัพย์สิน รัฐบาลไทยขอให้รัฐบาลอิสราเอล และ ปาเลสไตน์ รวมถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลสันติภาพ ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก ปล่อยตัวคนไทยให้ออกกมาอย่างปลอดภัย” นายจักรพงษ์ ชี้แจง
นายสุวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตน ได้คุยกับทูตหลายประเทศ พบว่าหลายประเทศแสดงความเป็นห่วง ทั้งนี้ในช่วงสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ควรช่วยคนไทยที่จับเป็นตัวประกันและคนที่บาดเจ็บออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด และการทำงานเพื่อคนไทย ตนมองว่าไม่แบ่งแยกเป็นฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายนิติบัญญัติ อยากให้ช่วยคนไทยปลอดภัยทั้งการกลับหรือการอยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้ตนมีความสัมพันธ์กับหลายประเทศในพื้นที่ที่สู้รบ การสร้างความสมดุลจึงเป็นความสำคัญ เพราะคนไทยจะกลับไปในพื้นที่อีก