รพ.ดังแจ้งจับ”หมอ-พนักงาน”แอบฉกข้อมูลคนไข้ไปหาประโยชน์เสียหายนับ10 ล้าน

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ พร้อมด้วย น.ส.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 (เจ้าของตำแหน่ง Mrs Thailand World 2022) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อดิศร แก้วโหมดตาด รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.แจ้งความกองปราบให้ดำเนินกับพนักงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลฯ ในข้อหาหรือฐานความผิดปลอมเอกสาร, ใช้เอกสารปลอม และข้อหาฉ้อโกง

จากกรณี พนักงานรายดังกล่าว ได้มีการนำประวัติของคนไข้ (OPD) ที่โรงพยาบาลเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคนไข้ไว้ เพื่อใช้ในการรักษาและเป็นฐานข้อมูลของโรงพยาบาล แต่พนักงานรายดังกล่าว กลับนำข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไป โดยนำชื่อ, เบอร์โทรติดต่อของลูกค้า ไปติดต่อหาลูกค้าเองโดยตรง อีกทั้ง ยังเชิญชวนให้ลูกค้า ไปเข้ารับการรับษากับคลินิกอื่น ทำให้โรงพยาบาลฯ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายเสียหายเป็นจำนวนมากกว่า 10 ล้านบาท

น.ส.พิมพ์ขวัญ กล่าวว่า ตนเองรับพนักงานคนดังกล่าวเข้ามาทำหน้าที่เป็นเซลล์ขายคอร์ส ได้ประมาณ 6 เดือน กระทั่งมีการสืบทราบว่า พนักงานรายนี้ได้นำข้อมูลของคนไข้และไปตกลงขายคอร์สให้กับคนไข้โดยคิดราคาถูกกว่า ของศูนย์ฯ พร้อมกับมีการทำหัตถการให้กับคนไข้โดยที่ตนเองไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ และไม่ทราบว่านำสารอะไรไปทำหัตถการให้กับคนไข้ เมื่อจับได้พนักงานคนดังกล่าวก็ให้การรับสารภาพพร้อมกับให้การซัดทอดว่าร่วมมือกับแพทย์ที่อยู่ในศูนย์นี้ จึงมีประกาศลงในเพจเฟซบุ๊ก ของศูนย์ว่าพนักงานรายนี้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของทางศูนย์ปลูกผมแล้ว และย้ำว่าทางศูนย์ไม่มีคลินิกสาขา 2 อย่างแน่นอนอย่าหลงเชื่อข้อมูลหลอกลวง

ทั้งนี้ ไม่คิดว่าพนักงานและแพทย์จะร่วมขบวนการจะกล้ามาทำกับตนและบริษัทขนาดนี้และจะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตนอยากจะขอเตือนผู้ประกอบการทุกคนตรวจสอบประวัติเจ้าพนักงานก่อนเริ่มงานเสมอ เพื่อป้องกันคนไม่ดีเข้ามาทำงานในบริษัท รวมถึงเตือนประชาชนตรวจสอบสถานพยาบาลและแพทย์ว่าได้รับอนุญาตจริงหรือไม่ ได้ทางเว็บไซต์ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเว็บไซต์ของแพทยสภา เพราะบางครั้งสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาตก็มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐก็ร่วมกับทำงานอย่างเต็มที่ในการรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิด รวมถึงระวังอย่าหลงเชื่อกับอะไรง่ายๆ

ด้าน ทนายเจมส์ กล่าวว่า การกระทำของอดีตพนักงานรายนี้เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง , ปลิมแปลงเอกสาร , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรมฯ กรณีที่ไปฉีดยาให้กับคนไข้โดยที่ตนเองไม่ได้เป็นพยาบาล อย่างไรก็ตามจะดูว่ากรณีนี้มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ถ้าหากหลักฐานไปถึงก็จะดำเนินคดีทั้งหมด

เบื้องต้น

พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะเรียกผู้เกี่ยวข้องที่เชื่อว่าร่วมขบวนการมารับทราบข้อหาดำเนินคดีต่อไป

Message us