ยึดบุหรี่ไฟฟ้ากว่าแสนชิ้นมูลค่า 21.86 ล้านในตู้สินค้าตกค้างท่าเรือแหลมฉบัง

นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสั่งการให้ปราบปรามการลักลอบนำเข้า – ส่งออกบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง รวมถึงการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วนให้เห็นผลภายใน 30 วัน นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการตรวจสอบตู้สินค้าตกค้าง จำนวน 4 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พบมีการซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าปะปนมากับสินค้าอื่น ๆ

ทั้งนี้ ตู้ที่ 1 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 320 กล่อง (รวม 48,000 ชิ้น) มูลค่า 8,640,000 บาท ตู้ที่ 2 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 178 กล่อง (รวม 36,170 ชิ้น) มูลค่า 6,510,600 บาท ตู้ที่ 3 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 59 กล่อง (รวม 13,930 ชิ้น) มูลค่า 2,507,400 บาท และตู้ที่ 4 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 103 กล่อง (รวม 23,390 ชิ้น) มูลค่า 4,210,200 บาท รวมทั้งสิ้น จำนวน 660 กล่อง (รวม 121,490 ชิ้น) มูลค่ารวม 21,868,200 บาท

นายธีรัชย์ กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2559 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 และประกาศกรมศุลกากรที่ 185/2564 เรื่อง พิธีการศุลกากรว่าด้วยการผ่านแดนทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ข้อ 6

สำหรับ สถิติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 – 17 มีนาคม 2568) จับกุมได้ 302 คดี ปริมาณ 942,293 ชิ้น มูลค่า 112.13 ล้านบาท

Message us