“อนุทิน”ดันเศรษฐกิจอีสานใต้เป็นฮับศก.ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงสร้างรายได้ชุมชน

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมงาน E-SAN Life Drive พร้อมกล่าวปฐกถาในหัวข้อ “การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง” ก่อนรับฟังภาคเอกชน 8 จังหวัดนำเสนอแนวคิดเพื่อการพัฒนาจังหวัด

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า ภาพกว้างๆสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะ 8 จังหวัดของเรา คือ ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ตามกรอบแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2566 – 2570 นั้น ให้ทิศทางไว้ว่า จะต้องพัฒนาสู่การเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาใน 3 มิติ ซึ่งเขาใช้คำว่า “Green”, “Gate” และ “Growth”

ทั้งนี้ Green หมายถึง การเป็น “ฐานการผลิต” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม [เน้นส่งเสริมเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ ขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG หรือ Bio-Circular-Green economy เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน คำที่สอง Gate คือการเป็นประตูเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้โอกาสจากการเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดน ระเบียงเศรษฐกิจ พัฒนาการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ และคำที่สาม Growth คือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนับสนุนการพัฒนาศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากการท่องเที่ยวชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกช่วงวัย

“ลองนึกถึงการทำเกษตรแนวใหม่ที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แน่นอนเราต้องมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทั้งในการเพาะปลูก ทั้งในการแปรรูป ให้ข้าว หอมแดง กระเทียม มันสำปะหลัง อ้อย และพืชเศรษฐกิจอื่นๆของเรามีมูลค่ามากขึ้น หลังจากนั้น นึกภาพต่อถึงการส่งไปขาย ตลาดในประเทศเป็นอย่างไร ตลาดต่างประเทศส่งถึงไหม ตรงนี้ก็ต้องคิดถึงระบบการขนส่ง การลำเลียง และการเปิดตลาดที่เราจะสามารถทำราคาได้ดีเรื่องความเข้าใจตลาดนี่สำคัญ จึงเป็นเหตุผลให้ผมต้องมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ”นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า สุดท้ายอย่าลืมต้นทุนทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างภาคบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งท่านจะต้องคิดว่าเป็นการขายประสบการณ์ หาไอเดียว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งที่มีอยู่ได้อย่างไร ที่บุรีรัมย์เมื่อสามวันก่อน ตนได้ไปร่วมพิธีเปิดงาน “Colors of Buriram” เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อ สืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” นี่คือหนึ่งตัวอย่าง ของการหยิบฉวยภูมิปัญญาท้องถิ่น มาสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ แล้วเอามาต่อยอด ส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัด จากการจัดงานแฟร์ได้อีก

Message us