“มท.” เสียงแข็ง ! แจงยิบเครือข่าย CCTV 5 จชต.ใต้ไร้โกง “โปร่งใส”

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณี องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน และกลุ่มรวมใจรักชาติ ได้มีข้อร้องเรียนเพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตในการเขียนขอบเขตของงาน (TOR) จัดซื้อจัดจ้างโครงการประกวดราคาจ้างค่าปรับปรุงระบบเครือข่ายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงินงบประมาณ 965,014,000 บาท

สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอขอบคุณองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน และกลุ่มรวมใจรักชาติ ที่ได้ให้ความสนใจและให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการค่าปรับปรุงระบบเครือข่ายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอเรียนว่า โครงการฯ ดังกล่าว เป็นการดำเนินการเพื่อทดแทนระบบเครือข่ายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของเดิมที่ติดตั้งไว้ เมื่อปี 2554 ซึ่งในขณะนี้ไม่สามารถใช้งานได้เป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำคำของบประมาณเพื่อปรับปรุงทดแทนของเดิมและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ โครงการฯ ดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารและจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทย และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ เมื่อปี 2564 และได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (งบลงทุน) จำนวน 965,014,000 บาท

สำหรับข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการฯ ดังกล่าว สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยขอเรียนชี้แจงเพื่อสร้างความรับรู้เข้าใจในข้อเท็จจริง ดังนี้

ประเด็นที่ 1 ข้อห่วงใยเกี่ยวกับการที่อาจจะมีการแต่งตั้งพวกพ้องเข้าไปเป็นกรรมการ TOR กรรมการจัดซื้อและกรรมการตรวจรับ เพื่อล็อกสเปค TOR จัดฮั้วประมูล จัดคู่เทียบ นั้น

” ขอเรียนว่า สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารและจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทย และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ เมื่อปี 2564 โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (งบลงทุน) จำนวน 965,014,000 บาท ซึ่งหลังจากได้รับงบประมาณแล้ว จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ (TOR) โดยแต่งตั้งจากผู้มีประสบการณ์ทั้งจากส่วนกลาง ผู้อำนวยการจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบุคคลภายนอก นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ปลัดกระทรวงมหาดไทยก็ได้มีหนังสือถึงองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อขอรับการสนับสนุนรายชื่อบุคคลเป็นผู้สังเกตการณ์ทุกกระบวนงานของโครงการ อันทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ ตามเจตจำนงของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยในส่วนของคณะกรรมการยกร่าง TOR นั้น ก็ไม่มีผู้ใดสนิทสนมกับบริษัท TKC ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง รวมถึงบริษัทเอกชนรายอื่น และบริษัท TKC ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้เคยรับงานทางด้านเทคโนโลยีจากกระทรวงมหาดไทยแต่อย่างใด ดังนั้น TOR ที่คณะกรรมการของกระทรวงมหาดไทยจัดทำขึ้น จึงมีความโปร่งใส เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงได้ และคณะกรรมการฯ ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEs) และกฎหมายทุกประการสำหรับระบบซอฟต์แวร์ในร่าง TOR เป็นไปตามเกณฑ์ราคากลางและคุณลักษณะพื้นฐานการจัดหาอุปกรณ์และระบบคอมพิวเตอร์ฉบับปี 2566 ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่มีคุณภาพดีกว่าเกณฑ์ราคากลางและคุณลักษณะพื้นฐานฯ ฉบับเดือนมีนาคม 2564 และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการใช้ซอฟต์แวร์ประมวลผลที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดตามนโยบายการรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศของรัฐบาล และไม่มีข้อบ่งชี้ใดที่จะเป็นการจำกัดการแข่งขันหรือเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทหนึ่งบริษัทใด ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวก็มีผู้ที่สามารถเข้าร่วมประมูลแข่งขันได้หลายราย” สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุ

ประเด็นที่ 2 ข้อห่วงใยเกี่ยวกับว่า โครงการนี้อาจจะมีการนำเอกสารที่เป็นความลับของทางราชการ TOR ออกมา และมีการปรับแก้ระบบงานเพื่อเอื้อประโยชน์และทำให้ได้เปรียบผู้แข่งขันรายอื่น

ขอเรียนว่า เอกสาร TOR เป็นเอกสารที่ต้องมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง (EGP) เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถวิจารณ์ร่าง TOR ดังกล่าวได้ ไม่ใช่เอกสารลับแต่อย่างใด โดยได้ลงประกาศร่าง TOR ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 4 – 6 กรกฎาคม 2566 รวม 4 วันทำการ  มากกว่าจำนวนวันที่ระเบียบกำหนด และปรากฏว่ามีผู้วิจารณ์ จำนวน 14 ราย และคณะกรรมการฯ ได้นำข้อวิจารณ์มาพิจารณาและแก้ไขบางข้อที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และได้นำร่าง TOR ลงประกาศเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม – 7 สิงหาคม 2566 อีก 4 วันทำการ ปรากฏว่ามีผู้วิจารณ์จำนวน 16 ราย เป็นนิติบุคคล 14 ราย และบุคคลธรรมดา 2 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนร่าง TOR ของคณะกรรมการฯ

ประเด็นที่ 3 ข้อห่วงใยว่าโครงการนี้อาจจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบริษัทเอกชนบางรายให้เป็นผู้ชนะการประมูล และเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการรายอื่น ปิดกั้นไม่สามารถเข้าประมูลงาน

ขอเรียนว่า สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการในทุกขั้นตอนเป็นไปตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การยกร่าง TOR โครงการฯ ก็เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยพยายามให้บริษัทเอกชนทุกรายที่มีคุณสมบัติสามารถเข้าร่วมประมูลได้ และไม่เคยมีการตกลงกับกลุ่มบริษัทเอกชนกลุ่มใด หรือรายใด ให้เป็นผู้ชนะการประมูล และร่าง TOR ก็ยังอยู่ระหว่างการเผยแพร่เพื่อรับฟังคำวิจารณ์ จึงไม่มีการดำเนินการที่เอื้อประโยชน์หรือปิดกั้นผู้ประกอบการแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม (Integrity pact) ซึ่งทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้มอบหมายผู้สังเกตการณ์ จำนวน 3 ท่าน เข้าร่วมประชุมด้วยทุกครั้ง จึงทำให้โครงการนี้มีความโปร่งใส  เป็นธรรม ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน และเปิดกว้างในการแข่งขัน และในขณะนี้ คณะกรรมการฯ ก็อยู่ระหว่างการนำคำวิจารณ์ของผู้วิจารณ์ทั้ง 16 ราย ประกอบด้วย นิติบุคคล 14 ราย และบุคคลธรรมดา 2 ราย พิจารณาแก้ไขร่าง TOR

ประเด็นที่ 4 ข้อห่วงใยเกี่ยวกับประเด็นเกี่ยวกับความชัดเจนของ TOR

ขอเรียนว่า โครงการฯ นี้เป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ก่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ และยังสามารถจัดเก็บข้อมูลเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานที่สำคัญอันจะก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของพื้นที่ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการยกร่าง TOR ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จะได้นำข้อวิจารณ์และความเห็นที่เป็นประโยชน์เสนอต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทางราชการต่อไป

Message us