เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรงในวันนี้ว่า เป็นไปตามตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับลดลง 2-3% รวมถึงตลาดน้ำมันที่ปรับลดลงส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงด้วย รวมถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวช้าจากความกังวลเรื่องดอกเบี้ย และสภาพคล่องที่ลดลง
สำหรับ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปกว่า 50 จุด ในช่วงท้ายก่อนปิดตลาดฯ มองว่าเกิดจาก Over-React ของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดสุดท้ายในเอเชียที่ปิดการซื้อขาย จึงได้รับผลกระทบจากแรงขายค่อนข้างมาก แต่ ขอยืนยันว่าไม่มีการ บังคับขายหุ้น (frost sell) เกิดขึ้น โดยทีมงานของตลาดหลักทรัพย์ได้มีการติดตามอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการขายชอร์ตเซลยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% ซึ่งถือว่าปกติ
“เรามองว่าเหตุการณ์ในวันนี้เป็นเหตุการณ์ระยะสั้นเท่านั้น ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ซึ่งการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ถือว่ายังปกติ ซึ่งเราก็มีทีมที่คอยดูและพูดคุยกันอยู่ตลอด ซึ่งตลาดบ้านเรายังมีสภาพคล่องดีอยู่ แต่เป็นตลาดที่ปิดสุดท้ายจึงได้รับผลกระทบ แต่เชื่อว่าพรุ่งนี้จะมีการปรับโพซิชันส์อีกที” ภากร กล่าว
ดร.ภากร กล่าวเพิ่มว่า อยากให้นักลงทุนพิจารณาการลงทุนที่คาดว่าจะรักษาเงินต้นหรือเพิ่มมูลค่าในช่วงเวลาที่สภาวะเศรษฐกิจเกิดการผันผวน และสามารถลดความเสี่ยงในกรณีที่กำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Safe Haven) ซึ่งปัจจุบัน Asset classes มีให้เลือกลงทุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ดอลลาร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ หากมองในระยะยาว การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสภาพคล่องที่ลดลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันหลัก โดยให้ติดตามตัวเลขข้อมูล เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย สภาพคล่องของตลาดเงินทั่วโลกรวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ที่ฟื้นตัวไม่เท่ากัน โดยประเทศไทยจะมีการฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว โรงแรม บริโภค
