เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมนายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นายหมวดเอกพรพงษ์ ไหมแพง ชาญชัยภัครธากูร นายอำเภอวังทรายพูน และกำลัง อส. ฝ่ายปกครอง กอ.รมน.พิจิตร ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปที่หมู่ 7 บ้านเขาพนมพา ตำบลหนองพระ อำเภอวังทรายพูน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขาพนมพาที่เป็นพื้นที่ป่าไม้และเป็นเขตสงวนหวงห้าม เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากราษฎรและเป็นข่าวในสื่อมวลชนว่าเขาพนมพาแห่งนี้มีแร่ทองคำที่ผ่านมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ก็มีชาวบ้านใช้จอบใช้เสียม แบบภูมิปัญญาชาวบ้านไปขุดหาแร่ทองคำที่เขาพนมพาแห่งนี้ ก็พบและได้แร่ทองคำนำไปขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำ และมีเหตุการณ์ภูเขาถล่มดินทับคนตายที่เหมืองทองเขาพนมพาแห่งนี้มาแล้วมากกว่า 20-30 ศพ ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็มีการประกาศห้าม และเคยมีการจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.แร่ และการกระทำผิดอื่นๆ แต่เมื่อเหตุการณ์สงบฝ่ายบ้านเมืองไม่ได้เข้ามาตรวจหรือเข้มงวด ก็จะมีชาวบ้านในพื้นที่และนอกพื้นที่แอบลักลอบเข้ามาขุดหาแร่ทองคำบนเขาพนมพาแห่งนี้
ทั้งนี้ ล่าสุดที่เป็นเหตุให้ ผู้ว่าฯพิจิตร ต้องเดินขึ้นเขามาดูที่เกิดเหตุและตามล่าหาตัวผู้กระทำความผิดก็เนื่องจากมีราษฎรร้องทุกข์ว่ามีนายทุนใช้แรงงานต่างด้าวใช้วิธีระเบิดภูเขามีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวบ่อยครั้ง โดยไม่ยำเกรงกฎหมายส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อนเมื่อผู้ว่าฯพิจิตรและคณะขึ้นไปบนภูเขาพนมพาก็ไม่พบนายทุนหรือแรงงานต่างด้าวแล้ว พบแค่เพียงเครื่องปั่นไฟและอุปกรณ์ขุดเจาะภูเขา รวมถึงพบอุโมงค์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่นักแสวงโชคขุดเป็นหลุมเป็นโพรงเข้าไปในภูเขา เพื่อขนดินที่มีแร่ทองคำนำไปร่อนเพื่อหาทองคำบริสุทธิ์ ซึ่งทำกันแบบเป็นล่ำเป็นสัน และน่าจะทำกันมานานแล้วบนภูเขาเหมืองทองเขาพนมพา จะพบมีการตั้งศาลตา-ยาย ตามความเชื่อโชคลางของนักแสวงโชคขุดทองอยู่หลายแห่ง
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ว่าฯพิจิตรและคณะบุกไปยังที่เกิดเหตุครั้งนี้ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ เนื่องจากเมื่อมีรถของคนแปลกหน้าหรือของทางราชการเข้ามาในพื้นที่ก็จะมีการส่งสัญญาณบอกคนที่ขุดทองอยู่บนภูเขาให้เร่งหลบหนีจึงทำให้ยากต่อการปฏิบัติงานดังกล่าว สำหรับภูเขาเหมืองทองเขาพนมพาปัจจุบันมีสภาพหายไปเกือบครึ่งหนึ่งเป็นหน้าผาและหลุมบ่อเต็มไปหมดสาเหตุเกิดจากการลักลอบขุดหาแร่ทองคำนั่นเอง
นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าฯพิจิตร กล่าวว่า จะทำการตรวจสอบและหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไปและจะได้ให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-ฝ่ายปกครอง-ตำรวจ-ป่าไม้ ให้ช่วยกันสลับสับเปลี่ยนเข้ามาตรวจตราเพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวข้างต้นมิให้เกิดขึ้นอีก รวมถึงจะได้เร่งประชาสัมพันธ์ห้ามปรามชาวบ้านไม่ให้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าวต่อไปอีกด้วย
ข่าว/ภาพ : สิทธิพจน์ เกบุ้ย
