เมื่อวันที่ 4 ก.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) มีพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งอาวุโสสูงสุดในสภาฯทำหน้าที่ประธานในการประชุมชั่วคราว เพื่อเลือกประธานสภาฯและรองประธานสภาฯ โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามมาตรา 115 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
สำหรับ ส.ส.ชุดที่ 26 ที่ กกต. รับรอง ทั้งสิ้น 500 คน ล่าสุดมีเข้ามารายงานตัว รวมทั้งสิ้น 498 คน เนื่องจาก น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ยื่นหนังสือลาออกจากส.ส.บุญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีส.ส.ที่ร่วมลงชื่อเข้าประชุมได้ ทันการกล่าวปฏิญาณตน มีเพียง 497 คน ขาดเพียง 1 คน ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อและจะให้กล่าวคำปฏิญาณตนในที่ประชุมสภาฯ ครั้งถัดไป
ทั้งนี้ ในการประชุมสภาฯ นัดแรกได้นัดหมายเวลา 09.30 น. แต่เปิดประชุมไดล่าช้า กล่าวเวลาที่กำหนด 35 นาที เนื่องจากรอส.ส.มารายงานตัวต่อสภาฯให้ครบจำนวน 498 คน
กระทั่งเวลา 10.06 น. ได้เริ่มประชุมได้ โดยนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาฯ ได้เชิญให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เป็นประธานชั่วคราวก่อน โดย พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาทำหน้าที่ประธานประชุมนัดแรก ขณะนี้มีส.ส.มาร่วมประชุมแล้ว 496 คนถือว่าครบองค์ประชุม จากนั้นได้ให้ส.ส.กล่าวปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ และชี้แจงขั้นตอนการลงมติเลือกประธานสภาฯ จะใช้วิธีลงคะแนนลับโดยการเชียนชื่อ
จากนั้นได้ให้สมาชิกเสนอชื่อคนที่จะมาเป็นประธานสภาฯ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชาติ โดยไม่มีส.ส.คนใดเสนอชื่อบุคคลอื่นเลย
ต่อมานายวันมูหะมัดนอร์ ได้ลุกขึ้นอภิปราย ขอบคุณส.ส.ที่เสนอชื่อให้มาทำหน้าที่ในครั้งนี้ ถ้าได้รับไว้วางใจให้เป็นประธานสภาฯ ยืนยันว่า 1. จะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง น้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงให้ไว้กับสมาชิกสภาฯเมื่อวันที่ 3 ก.ค.มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าสที่ต่อไป 2.จะทำหน้าที่โปร่งใน สุจริต ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และข้อบังคับการประชุมสภาฯ 3.จะกำหนดแนวทางร่วมกับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ ในการพิจารณาร่างกฎหมาย ญัตติ กระทู้ถามอย่างเป็นระบบ เพื่อเปิดโอกาสให้ส.ส.ทำหน้าที่เต็มความสามารถ
4.จะให้ความสำคัญในการปฏิบิตงานของกรรมาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนทุกกรณี 5.จะร่วมกับส.ส.เพื่อดำเนินการนโยบายการต่างประเทศ งานของรัฐสภา เพื่อประโยชน์ของฝ่ายนิติบัญญัต 6.จะทำหน้าที่ในการกำกับดูแลสถาบันพระปกเกล้า ส่งเสริมงานนิติบัญญัติ และสนับสนุนงานทีวี และวิทยุรัฐสภาให้เป็นสถานีของประชาชน ในการส่งเสริมประชาธิปไตยไห้กับทุกภาคส่วนและยังยืนต่อไป เมื่อไม่มีคนส่งแข่งทำให้นายวันนอร์ เป็นประธานสภาฯต่อไป
