“พิธา”บุกดูการให้บริการประชาชนของขนส่งหมอชิต 2

นายพิธา กล่าวว่า ถ้าดูตัวเลขของ บขส.อย่างเดียว ย้อนหลัง 5 ปีมีผู้ใช้บริการประมาณ 6 ล้านคน ล่าสุดปี 2566 เหลืออยู่ 2.6 ล้านคนหรือหายไปประมาณ 3 เท่า สอดคล้องรายได้ของ บขส. ที่หายไป 2-3 เท่าเช่นกัน รัฐบาลควรกำหนดวาระการคมนาคมโดยดูภาพใหญ่มากกว่าการเน้นสร้างอย่างเดียว ที่ผ่านมาเห็นว่านายกรัฐมนตรีไปที่ไหนก็บอกอยากสร้างสนามบินเพิ่ม แต่สำหรับตนแล้วสิ่งที่อยากให้เน้นคือการซ่อมและบริหารสิ่งเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น เช่น การปรับปรุงให้การคมนาคมจากกรุงเทพมหานครกลับภูมิลำเนาเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของรถบัสที่ควรจะเป็นรูปแบบการขนส่งที่ประชาชนเข้าถึงได้มากที่สุด

ทั้งนี้ วันนี้แม้การเดินทางจากกรุงเทพมหานครจะพอสะดวกบ้าง แต่เมื่อไปถึงที่หมายกลับไม่มีอะไรรองรับต่อ ขาดแคลนระบบขนส่งมวลชนในแต่ละจังหวัด ถ้าอำนวยความสะดวกให้ประชาชนให้มากขึ้น การขนส่งสาธารณะและการคมนาคมภาพใหญ่ของประเทศไทยก็จะดีขึ้นด้วย ตนอยากชวนรัฐบาลคิดว่า การสร้างสนามบินเพิ่ม อาจเป็นการใช้งบประมาณจำนวนมากและยังมีโอกาสออกนอกลู่นอกทาง แต่การดูแลโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว เน้นซ่อมและบริหารให้ดีขึ้น มีรถที่ดีขึ้น บริหารพื้นที่ให้ผู้ใช้บริการรู้สึกสะดวกขึ้น ออกแบบให้รองรับถึงผู้พิการ ดีกว่าที่จะเน้นแต่การสร้างโครงการขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว

เมื่อถามว่า ปัจจุบันสายการบินราคาประหยัดหลายสายราคาถูกกว่ารถบัสมาก จะทำให้ประชาชนมาใช้บริการมากขึ้น นายพิธา กล่าวว่า มันคือไก่กับไข่ ถ้าตั้งไข่ให้ได้ก่อน ให้บริการรถบัสมีความสะดวกสบาย สะอาด เมื่อประชาชนใช้มากขึ้น มีสเกลขึ้นมาก็จะทำให้ต้นทุนต่อหัวลดลง ราคาก็สามารถปรับตามได้ รถบัสก็จะกลายเป็นทางเลือกให้ประชาชนใช้ได้ตามความสะดวก บางประเทศเช่นญี่ปุ่นมีทั้งสายการบินราคาประหยัด รถไฟฟ้า รถบัส ในราคาที่ไม่ต่างกันมาก แต่เป็นทางเลือกให้ประชาชน ไม่จำเป็นต้องทำให้ประชาชนมีแต่สายการบินราคาประหยัดเป็นทางเลือกเดียวที่มีอยู่เท่านั้น

เมื่อถามถึงกรณีนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดให้ บขส. หารายได้จากป้ายโฆษณาและรายได้อื่นๆ มากขึ้น พิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการเรียงลำดับความสำคัญ ธุรกิจหลักที่นี่คือขนส่งไม่ใช่โฆษณา ถ้าทำขนส่งได้ดีแล้วจะมีรายได้จากการโฆษณาเข้ามาก็เป็นเรื่องดี ถ้าช่วยให้การบริหารจัดการดีขึ้น มีงบประมาณเพียงพอ ก็จะทำให้ธุรกิจหลักที่นี่ตั้งหลักได้ จากนั้นรายได้เสริมจากการโฆษณาก็จะเดินควบคู่ไปได้

“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการเรียงลำดับความสำคัญ ถ้าเขวไปว่าธุรกิจหลักคือการโฆษณาแต่ไม่ได้ดูแลธุรกิจหลักจริงๆ ไปดูแลแต่ธุรกิจเสริม การบริหารจัดการจะผิดทิศทาง ถ้าคนหายจาก 6 ล้านเหลือ 2.6 ล้าน ธุรกิจโฆษณาก็คงจะไปได้ไม่มากเท่าไหร่” นายพิธากล่าว

นายพิธา ยังกล่าวว่า หากตั้งเป้าให้จำนวนผู้ใช้บริการกลับมาได้เท่าก่อนโควิด บวกกับ 20-30% ของนักท่องเที่ยวที่กลับมา ถ้าทำสำเร็จก็จะพลิกโฉมสถานีขนส่งได้พอสมควร ถ้าตั้งไข่ได้แล้วที่เหลือก็จะตามมาเองทั้งเรื่องของรายได้และงบประมาณ แต่ถ้าตอนนี้ยังตั้งไข่ไม่เจอก็วนไปวนมาเหมือนเดิม รายได้น้อย ขาดทุน ลดราคาตั๋วไม่ได้ ดึงคนมาใช้บริการไม่ได้ ทั้งที่รถบัสเป็นบริการขนส่งสาธารณะที่ทุกคนควรเข้าถึงได้ขั้นต่ำที่สุด


Message us