พาณิชย์เตรียมหารือสปป.ลาวกระชับความร่วมมือด้านการค้าและโลจิสติกส์

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 26-31 มีนาคม 2568 ตนจะนำคณะกระทรวงพาณิชย์ เยือน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามเส้นทางผลไม้ที่สำคัญคือ หนองคาย-เวียงจันทน์-โม่ฮ่าน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้า และโลจิสติกส์ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการ ขยายตลาดทุเรียนและผลไม้ไทยอื่นๆ ในจีน ผ่านโครงข่ายโลจิสติกส์ที่เชื่อมต่อจากไทยผ่านลาวสู่จีน ในเส้นทางบก (R3A) และทางราง (รถไฟลาว-จีน)

ทั้งนี้ คณะเดินทางจะมีการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว เพื่อหารือด้านโลจิสติกส์สำหรับการขนส่งสินค้าเกษตร และเดินทางไปเยี่ยมชม ท่าบกท่านาแล้ง จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าสำคัญของลาว ซึ่งเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำคัญในการส่งออกทุเรียนไทยไปจีน จากนั้นคณะเดินทางโดยรถไฟจีน-ลาว ที่เวียงจันทน์สู่เมืองบ่อเต็น ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนสำคัญไปจีน โดยจะตรวจเยี่ยม “ด่านโม่ฮ่าน” ซึ่งเป็นจุดตรวจปล่อยสินค้านำเข้าทุเรียนไทยก่อนเข้าสู่ตลาดจีน โดยจะเข้าพบผู้แทนภาครัฐของจีน เพื่อหารือเรื่องกระบวนการตรวจปล่อยสินค้าให้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้จะเดินทางไปเยี่ยมชมและหารือผู้บริหาร ผู้นำเข้าในตลาดกลางผลไม้ในประเทศจีน อาทิ ตลาดจินหม่าเจิ้งชาง มณฑลคุนหมิง ตลาดค้าส่งผลไม้หงซิง มณฑลหูหนาน และพบผู้บริหารร้านค้าผลไม้ Greenery Fruit ซึ่งเป็นผู้นำเข้าทุเรียน และผลไม้ไทยเป็นจำนวนมากและมีสาขาหน้าร้านกว่า 1,600 แห่ง โดยจะเจรจาการค้า เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายทุเรียนไทย ไปยังเครือข่ายค้าส่งทั่วประเทศจีน ซึ่งจะมีการตรวจเยี่ยมโครงการโลจิสติกส์และคลังสินค้าเพื่อผลไม้สดเพื่อดูเส้นทางผลไม้ด้วย

“ผมได้วางเป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้ เพื่อเตรียมการขยายตลาดทุเรียนไทยในจีน ส่งเสริมการนำเข้าผลไม้ไทย ผ่านระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โดยเร่งกระบวนการตรวจปล่อยสินค้า ลดความล่าช้าในการนำเข้าสินค้าเกษตรไทยผ่านด่านจีน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ ของไทย รวมถึงปรับปรุงระบบโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ทำให้สินค้าไทยมีราคาที่แข่งขันได้ในตลาดจีน ผมคาดหวังว่า การเยือนครั้งนี้จะช่วยให้ทุเรียน และสินค้าเกษตรอื่น ๆ ของไทยสามารถเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้น สร้างความมั่นคงด้านการค้าระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับพี่น้องเกษตรกรไทยของเรา” นายนภินทร กล่าว

Message us