พาณิชย์จับเข่าคุยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยผนึกกำลังสร้างโอกาสการค้าไทยทุกด้าน

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อหารือถึงแนวทางผลักดันการค้าการลงทุนของไทยในปี 2568 โดย นายพิชัยได้นำเสนอถึงการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ที่จะช่วยสร้างโอกาสการค้าไทย ทั้งการเดินหน้าเจรจา FTA ไทย-อียู การดูแลสินค้าเกษตร และปราบสินค้าด้อยคุณภาพ พร้อมทั้งรับฟังความเห็นและข้อเสนอในการประชุมวันนี้ ไปบูรณาการการทำงานต่อไป

นายพิชัย กล่าวว่า ดีใจทุกครั้งที่ได้มาเยี่ยมหอการค้าไทย เหมือนมาบ้าน รู้จักกันมาทั้งหมด รัฐบาลที่นำโดยท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) และกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างใกล้ชิด เรามีหลักการทำงานแบบพาณิชย์เชิงรุก นโยบายผมคือ 80:20 นั่นคือ 80% เน้นสนับสนุนภาคเอกชนและผู้ประกอบการให้เติบโต ส่วนอีก 20% เน้นการกำกับดูแล ตรวจสอบ เช่น เรื่องสินค้าด้อยคุณภาพ

สำหรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยเวลานี้ ถือว่ามาถูกทาง ประเทศไทยเราแย่มาสิบปี เราโตเฉลี่ย ปีละ 1.9% มาสิบปี เราโตต่ำแบบนี้ การจะแก้ ถือว่าไม่ง่าย และไม่เร็ว แต่ขอย้ำว่าทิศทางดีขึ้นมาก ส่งออกไทยปี 2567 โต 5.4% มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งออกเดือนมกราคมสูงถึง 13.6% กุมภาก็น่าจะขยายตัวดีในระดับเดียวกัน สอดรับกับที่เราประเมินว่าการส่งออกจะเป็นเครื่องจักรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโต ในภาพรวม เครื่องจักรทางเศรษฐกิจดีขึ้นทั้งหมด ทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้มีสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวเราก็ดี การลงทุนของภาครัฐก็ดี

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน ต้องขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับหน่วยต่างๆ แก้ปัญหาหนี้ รวมทั้งขอให้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคเอกชน ช่วยกันคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องหนี้กันอย่างไร โดยอยากให้ช่วยพิจารณาเสนอแนะแนวทางกันเข้ามา

นายพิชัย ได้ถือโอกาสนี้นำเสนอถึงนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการขับเคลื่อนร่วมกับภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสการค้าไทย ประกอบด้วย การเร่งเจรจา FTA และเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่ทำสำเร็จไปแล้ว คือ FTA ไทย-เอฟต้า และ ไทย-ภูฏาน ที่กำลังเร่งเจรจาต่อมาคือ FTA ไทย-อียู ซึ่งจากการหารือร่วมกับนายมารอส เซฟโควิช (H.E. Mr. Maroš Šefčovič) กรรมาธิการยุโรปด้านการค้าฯ ก็ตั้งเป้าร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถบรรลุผลการเจรจา FTA ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ส่วน FTA ฉบับอื่นๆ ก็จะเร่งเจรจา ทั้ง ไทย-เกาหลีใต้, ไทย-ยูเออี, อาเซียน-แคนาดา เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทั้งหมดนี้ในการขยายตลาด ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ และดึงดูดนักลงทุน

ต่อมา คือการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อปรับโครงสร้างการส่งออก ทั้ง AI Data Center และ PCB ซึ่งทยอยเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นในอนาคต, การชูไทยเป็นคลังอาหารของโลกเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งประเทศตะวันออกกลางให้ความสนใจอย่างยิ่ง, การดูแลและผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง รวมทั้งการดำเนินนโยบายทลายทุนผูกขาดข้าว เปิดเสรีข้าว

การสร้าง Thailand Brand การันตีคุณภาพสินค้าของผู้ประกอบการรายย่อยของไทย, การปรับโฉม Thai SELECT เทียบชั้นมิชลินสตาร์,การส่งเสริมสินค้า Thailand Next Level เพื่อยกระดับแบรนด์สินค้าไทย, การแก้ปัญหาสินค้า/ธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งล่าสุดได้มีการตั้ง คณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศผิดกฎหมาย เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า การจดทะเบียนธุรกิจ และธุรกิจนอมินีทั่วประเทศ เพื่อทำให้ความเข้มข้นของการปราบปรามดียิ่งขึ้น ไปจนถึง การเตรียมการรับมือต่อมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมวันนี้นับเป็นเวทีประวัติศาสตร์ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มาเข้าเยี่ยมเยือนสร้างกำลังใจ สร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ได้ชี้แจงถึงข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อหอการค้าไทยอย่างมาก ที่เราเห็นเป็นปัญหาร่วมกันคือเรื่องหนี้ และเอสเอ็มอีที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน ดีใจที่รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องรถกระบะที่มีการยึด แล้วช่วยคุยให้มีการปล่อยกู้ เพื่อให้เขามีรถใช้ทำมาหากิน วันนี้ กำลังซื้อตก ถ้าเราแก้ได้ อย่างอื่นจะดีขึ้น

นายสนั่น กล่าวว่าการส่งออกของเรา ท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะข้อตกลงเอฟทีเอ ไทย-อียู ที่เราอาจจะได้ฉลองกันปลายปีนี้ หอการค้าได้ขอร้องให้เจรจาเรื่องน้ำเชื่อมที่ไม่สามารถส่งออกจีนได้ ทุเรียนเช่นเดียวกัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ไปเจรจาเต็มที่ ไปเจรจาเชิงรุกให้รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน ต่อมาการแก้ไขปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ เราทำงานเป็นทีมเพื่อจะช่วยผู้ประกอบการให้รอด เราได้พูดคุยถึงการรับมือกับนโยบายการค้าของทรัมป์ซึ่งได้รับทราบว่า รัฐบาลได้ทำงานล่วงหน้าไปแล้ว และยินดีที่จะจับมือกับภาคเอกชนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

สำหรับ วงประชุมวันนี้ ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ยังได้รับฟังความเห็นและข้อเสนอต่างๆ จากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย การแก้ปัญหาส่งออกน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมล่วงหน้าไปจีน, การปนเปื้อนสาร BY2 ต่อการส่งออกทุเรียนไทย, การเตรียมการรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ, การเตรียมการรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ, การเร่งผลักดัน FTA เพื่อขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ ทั้งแอฟริกา ตะวันออกกลาง ยูเรเซีย และทบทวน FTA ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด, การเข้าร่วมงาน China International Supply Chain Expo (CISCE) รวมทั้ง การรับฟังข้อเสนอถึงโอกาสและอุปสรรคการค้าในภูมิภาคต่างๆ เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา เวียดนาม

Message us

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว