พัทลุงฟื้นประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงาม

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า จังหวัดพัทลุงบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย และหน่วยงานในพื้นที่ จัดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าว ภายในงาน “เขาเจียกร่วมใจภักดิ์ รักษ์สามัคคี สืบสานประเพณี ลงแขกเกี่ยวข้าว เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” สนองพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอด โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านไสยาง หมู่ที่ 3 ตำบลเขาเจียก อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง

นางนิศากร กล่าวว่า ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวเป็นประเพณีไทยอันดีงามที่สะท้อนให้เห็นถึงน้ำใจและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนในชุมชน ที่พร้อมมาช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการเก็บเกี่ยวผลผลิต ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวไม่ได้เป็นเพียงแค่การช่วยเหลือด้านแรงงาน แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีและความสามัคคีระหว่างผู้คนในหมู่บ้าน ซึ่งทุกคนได้มารวมตัวกันเพื่อร่วมแรงร่วมใจ แบ่งปันอาหาร ร้องรำทำเพลง สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ผ่อนคลาย นับเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานต่อไป

ทั้งนี้ ปัจจุบันประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวเลือนหายไปจากสังคมไทยเหลือไว้เพียงภาพความทรงจำในอดีต เนื่องจากเกษตรกรยุคใหม่นิยมใช้เครื่องทุ่นแรง ใช้เทคโนโลยีในการทำการเกษตร เพื่อช่วยประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับแรงงานภาคเกษตรหายากและมีอัตราค่าจ้างค่อนข้างสูง เพราะการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่

“การจัดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าวในครั้งนี้ จึงเป็นการฟื้นประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ร่วมกันสืบสานประเพณีไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการถ่ายทอดภูมิปัญญาภาคการเกษตรจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสร้างความสามัคคี สร้างความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ประชาชนชาวจังหวัดพัทลุงจะต้องร่วมกันรักษาไว้ให้อยู่คู่กับจังหวัดพัทลุง” นางนิศากร กล่าว

สำหรับ กิจกรรมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวในวันนี้เป็นไปอย่างสนุกสนาน อีกทั้งได้ถ่ายทอดวิถีเกษตรกรให้เด็กและเยาวชนในชุมชน ซึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยการร่วมมือกันของทุกคนในชุมชน ที่จะสืบสานประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวตามวิถีดั้งเดิม ซึ่งเป็นการน้อมนำพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน” (Sustainable Village) ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาขยายผลให้เป็นรูปธรรม โดยแง่คิดที่สำคัญของหมู่บ้านยั่งยืน คือ คนจะต้องมีความสุข มีความรักใคร่สามัคคีกันในชุมชน มีอาชีพที่สุจริต มีอยู่ มีกิน มีใช้ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ลูกหลานได้รับการศึกษา ชุมชน/หมู่บ้านมีภูมิคุ้มกันต่อภัยทางสังคม และภัยธรรมชาติ บ้านเมืองมีความสะอาดเรียบร้อย มีการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี มีการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ทำให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป

Message us