พรก.อุ้มหายค้างเติ่งสภาฯทำคลอดไม่สำเร็จรัฐบาลพลิกเกมยื่นศาลรธน.วินิจฉัย

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษนัดส่งท้ายของสภาชุดนี้ โดยมี วาระพิจารณา พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายหรือพ.ร.ก.อุ้มหาย โดยในระหว่างที่มีการอภิปราย นายชวน หลีกภัย ประธาน ได้แจ้งว่า นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล และคณะได้เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาว่า พ.ร.ก.ดังกล่าว ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรค 1 ให้ประธานส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 3 วัน นับแต่วันที่รับความเห็นเพื่อวินิจฉัยและให้รอการพิจารณาไว้ก่อนตามมาตรา 173 จนกว่าจะได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะนี้ได้ใช้เวลาตรวจสอบรายชื่อคำร้องทั้งหมดแล้ว ปรากฏว่า มีจำนวนสมาชิกลงลายมือชื่อ 100 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ จึงให้รอการพิจารณาพระราชกำหนดนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงขอจบการพิจารณาในวาระนี้เพียงเท่านี้

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นดังกล่าว ถูกโต้แย้งจากส.ส.ฝ่ายค้าน โดย น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่การพิจารณากฎหมายไม่แล้วเสร็จไม่สามารถลงมติได้ ซึ่งมีแนวโน้มจะไม่อนุมัติกฎหมายฉบับนี้ เพราะฟังจากสมาชิกในสภาส่วนใหญ่คัดค้านและไม่เห็นด้วย จึงตั้งข้อสังเกตการยื่นศาลรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลว่า รัฐบาลคาดการณ์ว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้จะถูกสภาคว่ำจึงใช้กระบวนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยื้อเวลา

ทั้งนี้ จะเป็นประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ชง โดย ครม. กินโดย ครม.และ อุ้มหายโดยครม.เอง ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะผู้ที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญควรจะเป็นเสียงที่ไม่อนุมัติ การยื่นครั้งนี้จึงแปลเจตนาอื่นไม่ได้นอกจากการใช้กลไกของศาลรัฐธรรมนูญยื้อเวลา เพราะศาลฯต้องใช้เวลาในการวินิจฉัย อย่างน้อยเวลา 60 วัน ทำให้ พ.ร.ก.มีผลบังคับใช้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรืออาจยื้อไปถึงรัฐบาลหน้า

น.พ.ชลน่าน ยังตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีปัญหาในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน ตามที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยออกมาแฉ ไม่ใช่การหาอุปกรณ์ไม่ทันตามที่กล่าวอ้าง และหากมีปัญหาเกิดปัญหาเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิประชาชน บุคคลที่เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ต้องรับผิดชอบ และขอให้ประชาชนตัดสินในคูหาเลือกตั้ง 

ขณะที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะวิปรัฐบาล ยืนยันต่อการใช้สิทธิดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่มีปัญหาในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และถือเป็นการใช้สิทธิครั้งแรก ของ ส.ส.รัฐบาล สะท้อนว่า มีความเป็นห่วงของประชาชน ฝ่ายของตนก็ยึดหลักนิติธรรมที่เห็นว่า เมื่อได้มีการลงชื่อเพราะเห็นว่าพ.ร.ก.ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขพระราชกำหนดตามมาตรา 172 แห่งรัฐธรรมนูญ

นายชินวรณ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ฝ่ายรัฐบาลยื่นตีความก็เพื่อให้ไปตามรัฐธรรมนูญที่มีเหตุผลสำคัญ 3 ข้อคือ 1. การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 173 และปราศจากข้อสงสัย 2. เป็นการร่นระยะเวลาที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนถ้าปล่อยไปให้ผ่านก็จะต้อง ชะลอ พ.ร.บ. นี้ออกไปอีก 6 เดือน แต่ถ้ายื่นศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาเพียง 2 เดือนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมา และ 3. ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ส.ส. ที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมยื่นเสนอกฎหมายที่ฝ่ายบริหารเป็นผู้เสนอ 

จากนั้น นายชวน กล่าวขอบคุณ ส.ส.และข้าราชการสำนักงานลขาธิการสภาฯ ที่ร่วมทำงานหนักตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนหวังว่าแม้ไม่มีโอกาสกลับมาทุกคน แต่ขอให้ส.ส.ส่วนใหญ่กลับมาทำหน้าที่ของตนเองต่อไป การเมืองไม่มีแน่นอนน ฝ่ายค้านวันนี้อาจเป็นรัฐบาล คนเป็นรัฐบาลขณะนี้อาจเป็นฝายค้านในวันนั้น สิ่งสำคัญ คือการพูดอะไรไป ว่าไม่ดี วันนั้น ต้องไม่ดี อะไรที่ดีวันนี้ วันนั้นต้องดี ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จ

ต่อจากนั้นสมาชิกสภาฯได้ยืนเพื่อรับฟังพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุม และปิดประชุมเวลา 13.41 น. โดยที่ที่ประชุมสภาไม่มีการลงมติจะเห็นชอบกับ พ.ร.ก.อุ้มหายหรือไม่

สำหรับ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 มีเนื้อหา 5 มาตรา สาระสำคัญอยู่ที่มาตรา2 มาตรา 3 และมาตรา 4 ซึ่งมาตรา 2 มีสาระสำคัญ คือการเลื่อนการบังคับใช้พระราชกำหนด ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป มาตรา 3 มีสาระสำคัญเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายในมาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24และมาตรา 25 มีเนื้อหาเกี่ยวกับการบันทึกการควบคุมตัว ต้องมีรายละเอียดประกอบด้วยข้อมูลอัตตลักษณ์ วันเวลา สถานที่ ควลคุมตัว การไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ถูกควบคุมตัว และ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องสามารถเข้าถึงผู้ถูกควบคุมตัวได้ เป็นต้น โดยให้เลื่อนไปบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2566

ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และหน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบการควบคุมตัวตามมาตรา 22 และมาตรา 23 เร่งเตรียมการให้มีความพร้อมรองรับการปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2566

Message us