
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่สามย่านมิตรทาวน์ ฮอล์ สามย่านมิตรทาวน์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมเวทีเสวนา หัวข้อ “เคลื่อนประเทศ ปรับไทยให้รอดในยุคโลกเดือด” ในงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2567 ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) “TDRI Annual Public Conference 2024” ภายใต้หัวข้อ Adapting to Climate Change “ปรับไทยให้รอดในยุคโลกเดือด” โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน นางสาวสฤณี อาชวานันทกุล กรรมการผู้จัดการ บ.ป่าสาละ จำกัด ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น พร้อมด้วยนางสาวณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว The Standard เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายวราวุธ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2000-2019 มีผลการศึกษาว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย คิดเป็นมูลค่า 7.719 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 0.82 % ของ GDP หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ภายในปี 2050 เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวอย่างมาก อีกทั้งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตประชากรด้วย เนื่องจากข้อจำกัดของผลิตภาพประชากรในอนาคต สังคมผู้สูงอายุสุดยอด Super Aged Society คือมีผู้สูงอายุมากกว่า 30% ของประชากร เด็กเกิดน้อย มีคุณภาพต่ำ และด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมหรือภัยแล้งส่งผลต่อการผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและการบริการ และการตั้งถิ่นฐาน ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับภารกิจของกระทรวง พม. ในการดูแลด้านความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง อาทิ เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ และคนยากไร้ เป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับผลกระทบก่อน จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถรับมือกับผลกระทบ และพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หลายกระทรวงมีการจัดทำแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรายสาขา เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงกระทรวง พม. และเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 มีการแถลงนโยบายกระทรวง พม. สำหรับปีงบประมาณ 2568 ได้กำหนดนโยบายหลักในเรื่อง Disaster Management เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง มีการจัดตั้ง “ศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ” (ศบปภ.) หรือ Disaster Care Center for the Vulnerable ซึ่งจะมีระบบการทำงานในลักษณะเดียวกันกับศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) และจะมีการจัดทำแผนทั้งในส่วนของการป้องกัน การให้ความช่วยเหลือ เยียวยาและฟื้นฟู ที่มีความเฉพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มคนเปราะบางเป็นรายภาค อาทิ เหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ และเลย ซึ่งประชาชนกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ทางสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. ซึ่งเป็นองค์มหาชนในสังกัดกระทรวง พม. ร่วมกับทีม พม. หนึ่งเดียว จังหวัดหนองคาย และหน่วยงานในระดับพื้นที่ได้ร่วมกันสำรวจความเสียหาย และพบว่า มีความเร่งด่วนในด้านการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง จึงได้เริ่มดำเนินการในทันที ทำให้ในเบื้องต้น 681 ครัวเรือนได้รับความช่วยเหลือ และจะมีการขยายผลการช่วยเหลือไปพร้อมๆ กับการสร้างระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติให้กับชุมชนด้วย
นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. อยู่ระหว่างการจัดทำนโยบายและมาตรการในการปรับตัวต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยขยายผลจาก NAP เจาะรายละเอียดไปที่การดูแลกลุ่มคนเปราะบางทุกกลุ่มในทุกมิติ และหารือร่วมกับธนาคารโลก (World Bank) เพื่อศึกษาจัดทำข้อมูล พื้นที่ และกลุ่มคนเปราะบางที่จะได้รับผลกระทบ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการจัดทำโมเดลต่างๆ ซึ่งสามารถที่จะระบุได้ถึงระดับตำบล ว่ากลุ่มคนเปราะบางที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่จะได้รับผลกระทบอย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มคนเปราะบางในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งนี้ การดูแลกลุ่มคนเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำเป็นต้องมีกลไกทางการเงินที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสินเชื่อต่างๆ การระดมทุนในรูปแบบต่างๆ เงินอุดหนุนแบบให้เปล่า อาทิ Green Climate Fund และ The Global Climate Change Alliance