
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย นางศรินทิพย์ ศีลาเทวากูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่พบปะและมอบแนวทางการปฏิบัติราชการให้แก่หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งรับฟังปัญหาความต้องการของพื้นที่อำเภออ่าวลึก โดยมี นายกชภูมิ สำลี นายอำเภออ่าวลึก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด หัวหน้าส่วราชการอำเภอ และผู้เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ ที่หอประชุมศาลาประชาคมอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่


นายอังกูร ได้เน้นย้ำงานที่ต้องทำคือการปฏิบัติราชการตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงมหาดไทย และงานของจังหวัดของพื้นที่ รวมทั้งงานตามภารกิจหรือฟังก์ชันของกระทรวง กรมต่าง ๆ ซึ่งการขับเคลื่อนต้องแปลงไปสู่การปฏิบัติตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน โดยเฉพาะงานของพื้นที่ซึ่งทุกท่านย่อมรู้ดีที่สุด เพราะท่านเกิดและเติบโตในพื้นที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ตั้งคำถามให้ผู้เข้าร่วมประชุมว่าตอบ ถ้าท่านเป็นผู้ว่าฯ กระบี่ ท่านจะทำอะไร โดยให้เขียนลงในกระดาษแล้วให้จ่าจังหวัดกระบี่เก็บรวบรวมทั้ง 8 อำเภอ แล้วประมวลผลให้ ผวจ.ทราบ เพื่อนำมาวางแผนในการจัดทำโครงการบรรจุเข้าแผนพัฒนาจังหวัดต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ที่จังหวัดสงขลา โดยได้เน้นย้ำการขับเคลื่อนใน 5 นโยบายหลัก คือ 1) การจัดระเบียบังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล 2) การปราบปรามและป้องกันยาเสพติด 3) การสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน 4) การส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และ 5) น้ำดื่มสะอาดบริการประชาชน โดยทั้ง 5 นโยบายนี้ต้องมีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน นำไปสู่เป้าหมายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยคือการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งนั่นก็คือการ ทำคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น


นอกจากนั้น ในเรื่องการขับเคลื่อนงานจิตอาสาพระราชทานในระดับอำเภอ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนสมัครเป็นจิตอาสาพระราชทานซึ่งเปิดรับสมัครทุกวันที่ 1-10 ของทุกเดือน ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง พร้อมฝากการบริหารงานไปทุกหน่วยงานให้ยึดหลัก 4 เรื่อง คือ งาน งบ ระบบ คน โดยจะเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณต้องเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งรัฐบาลได้เน้นย้ำเรื่องนี้ด้วย บุคลากรที่รับผิดชอบต้องมีความรู้ ความสามารถ หากใครหย่อนยานก็ต้องสลับสับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสม ต้องมีการวางระบบการทำงานให้ดี ผู้บริหารต้องทำงานไม่มีวันหยุด โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุสำคัญ ต้องติดต่อสื่อสารได้ตลอด 24 ชั่วโมง การทำงานทุกเรื่องต้องประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนให้รับทราบด้วย เพื่อความโปร่งใส พร้อมสร้างการรับรู้

สุดท้าย ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ฝากให้อำเภอศึกษาข้อกฎหมายการสมรสเท่าเทียมด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคมนี้ เพื่อจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และมอบหมายให้หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ได้ชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ให้หัวหน้าส่วราชการอำเภอได้รับทราบด้วย

ขณะที่ นางศรินทิพย์ ศีลาเทวากูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เหล่ากาชาดจังหวัด มีภารกิจหลักๆ 4 ด้าน คือ การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย /การบริการโลหิต ดวงตาและอวัยวะ /การสังคมสงเคราะห์ให้กับผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส /และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งเหล่ากาชาดไม่มีบุคลากรที่มากพอในการลงไปดูแล จึงขอความร่วมมือไปยังอำเภอ กำนันผู้ใหญ่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วยลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลสอดส่องดูแล คัดกรองผู้ที่ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ประสบภัย เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ของกาชาด เป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชน พร้อมกันนี้ขอให้อำเภอมีการประชาสัมพันธ์การรับบริจาคโลหิตให้ประชาชนได้รับทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน เพื่อจะได้เตรียมตัวในการบริจาคโลหิตได้จำนวนมากขึ้น

นางศรินทิพย์ กล่าวว่า ขอบคุณทางอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วนที่ช่วยสนับสนุนร้านกาชาด งานปีใหม่และงานกาชาดจังหวัดกระบี่ ประจำปี 2568 ทำให้สามารถจำหน่ายมัจฉากาชาดได้ จำนวน 4,946,000 บาท.
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ และคณะ ได้เยี่ยมผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัว พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคของใช้ส่วนตัวและเงินสงเคราะห์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นด้วย