
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.กัมพล ลี ลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ ศรีวิจิตร รอง ผบก.ปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และยูเอสซีเคร็ท เซอร์วิส ,สนธิกำลังกันเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษเปิดปฏิบัติการทลายรังคอลเซ็นเตอร์ ปิดล้อมตรวจค้น 36 เป้าหมาย ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง,จ.สมุทรปราการ และ จ.ร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ จากการออกปฏิบัติการได้เข้าตรวจค้นบ้านพัก เลขที่ 388/53 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งบ้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว จากการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐาน อาทิ สมุดบัญ ชีธนาคาร จำนวนมาก โทรศัพท์มือถือกว่า 10 เครื่อง รถยนต์ 4 อาวุธปืน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน พร้อมกันนี้ได้เชิญตัวเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชายชาวอินเดีย พร้อมกับหญิงคนไทย 3 คนมาทำการสอบปากคำ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟบีไอ และ United States Secret Service ในการร่วม มือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยกรณีนี้สืบเนื่องจากทั้งสองหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาได้รับรายงานว่า มีผู้เสียหายซึ่งเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาถูกขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้อุบายหลอกเหยื่อโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ หลอกว่าธุรกรรมการเงินและเงินในบัญชีของเหยื่อมีความผิดปกติ รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตลอดระยะ เวลา 2 ปี พบมีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้ว 365 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท จากแนวทางการสืบ สวนพบว่ามีการโอนเงินข้ามประเทศและใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้ง จึงได้นำข้อมูลสืบสวนหารือกับ สตง. จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
รองผบ.ตร.กล่าวว่า ในส่วนของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ และเป็นนโยบายแห่งชาติที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนร้ายต่างชาติเข้ามาและใช้ประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อน หรือเตรียมการในการกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม จะทำการขยายผลพร้อมประสานงานกับทางสำนักงาน ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อทำการยึดทรัพย์ขบวนการนี้ต่อไป
ข่าว/ภาพ : ชัยยศ ผู้พัฒนพงษ์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดชลบุรี
