
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยได้รับเมตตาจากท่านเจ้าคุณพระพิพัฒน์วชิโรภาส และ พระปัญญาวชิรโมลี ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุม โดยมี นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวงมหาดไทย คณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (VCS) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการส่วนภูมิภาค
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และประธานแม่บ้านมหาดไทย รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ที่ได้ร้อยรวมใจกันถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อันเป็นการถวายกำลังใจให้ทรงมีกำลังพระทัยและทรงพระเกษมสำราญ ซึ่งพระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระราชดำรัสแก่ผู้ที่เข้าเฝ้า โดยทรงชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ขอให้พวกเราทุกคนได้น้อมนำพระราชดำรัสองค์นี้เป็นหลักชัยว่า พระองค์ทรงเห็นความสำคัญของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ และคนมหาดไทยทุกคน ที่สำคัญทรงกล่าวถึงบทบาทการเป็นผู้นำในการดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังตรัสถึงพระราชกรณียกิจจากการทรงงานโดยตรงในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลว่าทรงได้รับความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทรงกล่าวถึงทหารที่ช่วยดูแลพี่น้องประชาชนในถิ่นทุรกันดารห่างไกล
นอกจากนี้ ทรงเล่าถึงพระราชจริยวัตรในการจดบันทึกในสมุดบันทึกส่วนพระองค์ โดยทำ Checklist ว่าต้องลงพื้นที่เสด็จพระราชดำเนินไปที่ใด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานหนักจนตกเย็นตกค่ำ แต่ยังมีพื้นที่อีกมากมายที่พระองค์ตั้งใจจะเสด็จพระราชดำเนินไป อันเป็นการจุดประกายการทำงานที่สำคัญที่พวกเราทุกคนควรเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทเพื่อทำให้การขับเคลื่อนงานทั้งในส่วนกลางและในระดับพื้นที่ประสบความสำเร็จ และยังเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย สอดคล้องกับหลักการทำงานของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตามหลักการทำงานแบบ “รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด”
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า “การพัฒนาพื้นที่บึงสีไฟ” อำเภอเมืองพิจิตร เป็นโครงการพระราชดำริโดยแท้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณในการทรงมุ่งมั่น “แก้ไขในสิ่งผิด” ดังพระราชดำรัส “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”ทั้งสองพระองค์ทรงเล็งเห็นความสำคัญของบึงสีไฟ ที่เคยเป็นพื้นที่รับน้ำจำนวนมาก แต่ปัจจุบันกลับลดลง ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่โดยรอบก็ลดลง จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาบึงสีไฟ คือ การกักเก็บน้ำที่จากเดิม จำนวน 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 12 ล้านลูกบาศก์เมตร จากนั้นปรับปรุงพื้นที่โดยรอบที่รกร้างเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน เป็นที่ออกกำลังกาย ที่พักผ่อนหย่อนใจ เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ ตลอดจนเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในพื้นที่โดยรอบ
นอกจากนี้ ยังมีถนนทางปั่นจักรยาน ความยาว 10.28 กิโลเมตร มีสนาม BMX ขนาดมาตรฐานโลก มีสนามจักยานขาไถ (Balanced Bike) ซึ่งนอกจากจะทำให้เด็กมีความกล้าหาญแล้วยังมีพัฒนาการร่างกายจิตใจ สมองที่ดี อีกทั้งเป็นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด และอนุรักษ์พันธุ์พืชเดิมในพื้นที่ เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของนกน้ำ ปลา พืชน้ำ ซึ่งเป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอด ช่วยกันดูแล ช่วยกันใช้และต่อยอดทำให้ดีขึ้น สามารถมาศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศ ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการพระราชดำริที่มาจากพระอัจฉริยภาพและความตั้งพระหฤทัยมั่นที่ทรงมีพระราชปณิธานมุ่งมั่นในการทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุข พวกเราจึงต้องช่วยเผยแพร่พระราชเกียรติคุณให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าการพัฒนาพื้นที่เหล่านี้เป็นโครงการในพระราชดำริ ซึ่งจะต่อยอดและขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำมาขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำ อาทิ คลองเปรมประชากร คลองแสนแสบ คลองเมืองเก่า คลองโอ่งอ่าง คลองแม่ข่า รวมถึงบึงสีไฟ และบึงบอระเพ็ด ซึ่งทุกจังหวัดได้ช่วยกันตรวจสอบและฟื้นฟูแหล่งน้ำในพื้นที่ให้กลับมามีสภาพที่ดีและเป็นพื้นที่ของทุกคนเฉกเช่นในอดีต นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้เป็นธุระในการจารึกเรื่องราวแนวพระราชดำริที่อยู่ในพื้นที่ของท่าน ได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาทำเพิ่มเติมพร้อมขยายผลไปในพื้นที่อื่น ๆ ให้ปรากฏชัดเจน แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อพสกนิกรไทย
“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันดูแลวางแผนขับเคลื่อนโครการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตลอดจนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ในการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การดำเนินการสำรวจครัวเรือนเป้าหมายจากระบบ ThaiQM อย่างเอาใจใส่ในทุกเรื่อง ซึ่งการจะทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน ต้องทำให้ทุกหมู่บ้านเป็น “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)”
โดยการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้รักสามัคคี มีจิตอาสา รวมกลุ่มเป็นกลุ่มบ้าน คุ้ม ป๊อก หย่อม ทำให้เกิดความเข้มแข็ง สร้างความมั่นคงด้านอาหาร สร้างความมั่นคงที่อยู่อาศัย สืบสานรักษาประเพณีวัฒนธรรม ทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกันในการตอบสนองตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้งการมีแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคภายในชุมชน มีภาคีเครือข่ายหรือ Partnership ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ที่ต้องเป็นผู้นำไปช่วยสร้างทีมจังหวัด อำเภอ ตำบล บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนร่วมกับภาคีเครือข่าย และติดตามการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้เป้าหมาย “ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน” เกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว