“ปลัดเก่ง”นำข้าราชการมหาดไทยร้องเพลงชาติวันพระราชทานธงชาติไทย

เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกิจกรรมเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน ของทุกปี ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมข้าราชการ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่ ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ร่วมพิธีเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย

ทั้งนี้ เมื่อสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยให้สัญญาณเคารพธงชาติ นายสุทธิพงษ์ สั่งแถวข้าราชการและเจ้าหน้าที่ยืนตรง จากนั้นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เป็นผู้ทำหน้าที่ชักธง เชิญธงชาติซึ่งพับเรียบร้อยวางบนพาน ผูกติดกับสายเชือกทางด้านขวาของผู้ชักธง โดยคลี่ธงออกเต็มผืน แล้วดึงเชือกให้ธงขึ้นช้า ๆ ด้วยความสม่ำเสมอ ผู้ร่วมพิธีร่วมร้องเพลงชาติไทยอย่างกึกก้อง ด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย จนธงชาติถูกชักถึงสุดยอดเสาธง

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ ได้พบปะและมอบแนวทางการทำงานให้แก่ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ โดยกล่าวว่า นับเนื่องย้อนไปเมื่อ 107 ปีก่อน คือ วันที่ 13 กันยายน 2459 อันเป็นปฐมเหตุของการใช้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทยมีความเกี่ยวข้องกับพวกเราชาวกระทรวงมหาดไทยโดยตรง สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเมืองอุทัยธานี ที่มีพระยาพิไชยสุนทร (ทอง จันทรางศุ) เป็นผู้ว่าราชการเมืองอุทัยธานี พสกนิกรต่างยินดีปรีดาร่วมกันในการประดับธงช้าง ซึ่งเป็นธงชาติในยุคนั้น แต่เนื่องจากธงช้างหายาก มีราคาแพง และต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ ผู้คนจึงประดับธงช้างเท่าที่มีอยู่ และใช้ผ้าพื้นสีแดงขาว ประดับและจับจีบผ้าทั่วบริเวณ

ทั้งนี้ ทรงทอดพระเนตรพบว่า บ้านบางหลังมีการประดับธงช้างสลับกลับด้าน คือ ช้างนอนหงายปลายเท้าชี้ฟ้า ทำให้เมื่อพระองค์เสด็จนิวัติพระนครจึงทรงมีแรงบันดาลพระทัยในการปรับเปลี่ยนรูปแบบธงชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้ พระราชบัญญัติธง พระพุทธศักราช 2460 และพระราชทานธงชาติไทยให้มีลักษณะเป็นแถบสีเพื่อไม่ให้มีหัวมีท้าย หรือเรียกว่า “ธงไตรรงค์” มี 3 สี คือ “สีแดง” หมายถึง ชาติและเลือดเนื้อเชื้อไขของคนในชาติ นั่นคือ ประชาชน “สีขาว” หมายถึง ศาสนา และ “สีน้ำเงิน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ ในวันที่ 28 กันยายน 2460

“หากเรานำสัดส่วนขนาดแถบธงชาติมารวมสีทั้ง 3 สี จะเห็นได้ว่า ทั้ง 3 สีมีขนาดเท่ากัน เพราะส่วนใดส่วนหนึ่งจะขาดไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกัน เป็นสถาบันหลักของประเทศ อันสะท้อนถึงการที่เราทุกคนต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง เพราะเรื่องที่สำคัญ คือ ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีภัยคุกคามมาโดยตลอด เมื่อเราเท้าความไปในประวัติศาสตร์ความเป็นชาติซึ่งแม้ว่าทุกคนจะมีความเชื่อหรือค้นพบด้วยงานวิชาการที่แตกต่างกันไป แต่หากเรานับเนื่องตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เราจะเห็นว่า ภัยคุกคามประเทศล้วนเกิดจากข้าศึกอริราชศัตรูจากภายนอก ทั้งลัทธิล่าอาณานิคม การทำสงครามยึดครองแผ่นดิน สงครามเย็น หรือการต่อสู้เพื่อนำเอาลัทธิทางการปกครองคอมมิวนิสต์มาใช้ในประเทศ

ทั้งหลายทั้งปวง สะท้อนสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ความรักสามัคคี” เพราะประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย บ้านเมืองเราเสียอิสรภาพ เสียเอกราช ไม่มีความมั่นคง มีเหตุสำคัญจากความรักสามัคคีของคนในชาติลดน้อยถอยลง บางยุคแตกแยก กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 2 ก็เพราะคนไทยเป็นไส้ศึก เปิดประตูเมือง ดังนั้น ประเทศชาติที่เปรียบเสมือนเหล็กที่มีความแข็งแกร่งก็ล้วนจะถูกตัด ถูกทำให้เสียหายได้ด้วยเพราะสนิมของเนื้อในเหล็กทำให้เหล็กผุกร่อนทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นคติเตือนใจที่สำคัญที่ทำให้พวกเราทุกคนต้องมารวมพลังแสดงออกซึ่งความรู้รักสามัคคีเนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทยในวันนี้ คือ การรำลึกนึกถึงความสำคัญของการมีธงชาติ ให้เราได้ช่วยกันรำลึกความหมายอันลึกซึ้งว่า ประเทศชาติจะมั่นคงเป็นปึกแผ่นเหมือนธงไตรรงค์ที่ไม่ขาด ไม่วิ่น และมีสีอันสำคัญหมายถึงสถาบันหลักโดยรวม จะยังคงมีความมั่นคงอยู่ได้ จะต้องอาศัยความรักความสามัคคีและความตื่นตัวช่วยกันต่อสู้เพื่อรักษาเอกราชความเป็นไทยของพวกเราให้คงอยู่ได้สถาพร” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พี่น้องชาวมหาดไทยทุกคนมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการเป็นผู้นำที่จะช่วยนำเอาความรักสามัคคีให้กำเนิดเกิดขึ้นในสังคม เริ่มที่ครอบครัวของพวกเรา และสมาชิกในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี และความสุขให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการขับเคลื่อนการสร้างความสุขดังกล่าว ผ่านโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่พระองค์ได้พระราชทานหนังสือ Sustainable City ให้แก่ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน และทรงตรัสว่า “หน้าที่ของคนมหาดไทยคือการทำให้เกิด Sustainable Village” ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้ขับเคลื่อนนำร่องทั้ง 878 อำเภอ โดยคัดเลือกหมู่บ้านที่มีผลการพัฒนาน้อยที่สุดตามหลักเกณฑ์ของทางราชการ ตำบลละ 1 หมู่บ้าน รวม 7,255 หมู่บ้าน

นายสุทธิพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยทุกคนที่ได้มาร่วมกันแสดงเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นแน่วแน่ในการแสดงออกซึ่งความรักชาติ รักประเทศไทย รักและเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติร่วมกับพี่น้องข้าราชการในทุกส่วนราชการ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนทั่วประเทศในวันนี้ ภายใต้สัญลักษณ์เดียวกัน นั่นคือ “ธงไตรรงค์” ที่เรามาร่วมชุมนุมสโมสรโดยพร้อมเพรียงกันน้อมรำลึกว่า “ธงไตรรงค์ ไม่ใช่ผืนผ้าที่มี 3 สี 5 แถบ แต่เป็น 6 แถบ เพราะแถบสีน้ำเงินติดกันจึงกลายเป็นแถบใหญ่ อันมีนัยหมายถึงล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดธงชาติไทย และขอให้ชาวมหาดไทยทุกคนได้มีใจรุกรบ ลุกขึ้นมาเป็นโซ่ข้อกลางในการหลอมรวมพลัง ร้อยรวมใจ ดึงเอาภาคีเครือข่ายพี่น้องทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน ทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่โน้มตัวลงไปหาประชาชน ทำงานให้รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด ช่วยกันเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี สิ่งที่ดีงาม Change for Good สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคม สนองพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” อันจะยังผลทำให้ประชาชนคนในชาติมีความสุขที่ยั่งยืน ประเทศชาติมีความมั่นคงสถาพรตลอดไป

Message us