“ปลัดเก่ง”ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยารับมือ”เอลนีโญ”

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่สำนักชลประทานที่ 12 ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา และการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดชัยนาท โดยนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวสันต์ สุภาภา รองอธิบดีกรมที่ดิน นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้แทนกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงพื้นที่ โดยมี นายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นางสาวชไมพร อำไพจิตร นายศรณ์จัดร์ชัย ชูวาพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 นายสันติ เต็มเอี่ยม ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ต้องทำหน้าที่ที่สำคัญของผู้นำ คือ ช่วยกันกระตุ้นให้ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ด้วยการ “แก้ไขในสิ่งที่ผิด” ทั้งการจัดระเบียบหรือปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เจ้าของที่ดินมีแหล่งกักเก็บน้ำ มีการบริหารจัดการน้ำไว้ใช้ในยามจำเป็นและฉุกเฉิน รวมทั้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ เป็นกำลังสำคัญช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ทุกหมู่บ้าน/ชุมชน มีแหล่งน้ำขนาดเล็ก เช่น น้ำบาดาล เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และประกอบอาชีพ เพราะน้ำคือชีวิต ซึ่งจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกเราในปัจจุบัน ทำให้เราเผชิญกับสาธารณภัย ทั้งปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ฝนตกทิ้งช่วง กลับกันยังมีฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วม เกิดเป็นอุทกภัย จึงเป็นโอกาสดีที่ในวันนี้ได้มาประชุมร่วมกับกรมชลประทานเพื่อที่จะมีข้อมูลสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันสำหรับหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศต่อไป

ปลัดกระทรวงมหาดไทยย้ำว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมให้ประชาชนมีแหล่งน้ำเป็นของตัวเอง ทำให้เป็นต้นแบบ ให้เกิดแหล่งน้ำขนาดย่อมหรือขนาดเล็กประจำครัวเรือน เช่น ทำพื้นที่ให้เป็นหลุมขนมครก เก็บน้ำจากฟ้าไม่ให้ไหลออกนอกพื้นที่ โดยน้อมนำแนวพระราชดำริ “คิดให้แยบคาย” ป้องกันน้ำท่วมและน้ำแล้งที่ได้ประโยชน์ 2 ต่อ นอกจากนี้ ต้องช่วยกันดูแลแหล่งน้ำ ด้วยการสร้างทีมจิตอาสาจากกลไกในพื้นที่ ลงพื้นที่ไปพัฒนาร่วมกับภาคีเครือข่าย ตลอดจนการสร้างความมั่นคงทางอาหาร นำไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ทำให้หมู่บ้านชุมชนมีประชาชนคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และหากทุกชุมชนทุกจังหวัดมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่ทุกคนมีความสุขอย่างยั่งยืน

ด้าน นายสันติ เต็มเอี่ยม ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน กรมชลประทาน กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง และการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ โดยมีปริมาณน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ภายใต้การดูแลของกรมชลประทาน 25 แห่ง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 10 แห่ง ซึ่งภาพรวมปริมาณน้ำในเขื่อนในปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2566 มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อยเพียง 14,187 ล้าน ลบ.ซม. น้อยกว่าปีก่อน ประมาณ 2,500 ล้านลบ.ซม. ซึ่งภาพรวมมีปริมาณน้ำน้อยกว่าปีที่ผ่านมา 3,300 ล้าน ลบ.ซม. โดยเราแบ่งช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือน พ.ค. ถึง ต.ค. ฤดูแล้ง เดือน พ.ย.- เม.ย. ทั้งนี้ ตั้งแต่ พ.ค. 66 ถึงปัจจุบัน มีฝนตกน้อยส่งผลกระทบกับการเก็บน้ำในพื้นที่ เป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ คล้ายกับปี 2558 แต่มีความแห้งแล้งที่รุนแรงน้อยกว่า

สำหรับ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน โดยมีเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย และเขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์ ไหลมารวมที่เขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจากข้อมูลในปี 2565 มีฝนตกมาก ทำให้มีปริมาณความจุน้ำมากกว่าปกติ แต่ในปี 2566 มีปริมาณน้ำต่ำกว่า ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าจะมีน้ำแล้ง จึงได้นำน้ำที่เหลือมาใช้ในหน้าแล้ง โดยมีแผนการปรับปรุง ปฏิทินฤดูกาลเพาะปลูก เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนสิงหาคม ทำให้ในขณะนี้บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา เกษตรกรเริ่มมีการเก็บเกี่ยวแล้ว ซึ่งแผนการรับมือต่อไปอาจต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนทั้ง 4 เขื่อน มาช่วยระบายน้ำ ทดน้ำที่น้อยไม่ให้ส่งผลกระทบกับการจัดการน้ำในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา

อย่างไรก็ตาม ชลประทานชัยนาท ลพบุรี และนนทบุรี ได้บูรณาการช่วยกันรักษาเกณฑ์การระบายน้ำอยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค โดยจากผลการบริหารจัดการน้ำในปัจจุบัน มีผลการจัดสรรน้ำฤดูฝน ปี 2566 จำนวน 4,664 ล้าน ลบ.ซม. จากแผน 5,500 ล้าน ลบ.ซม. ยังต่ำกว่าแผนเนื่องจากมีปริมาณน้ำน้อย แต่ยังคงรักษาระดับปริมาณน้ำได้ และจากคาดการณ์ หลังจากสิ้นสุดฤดูฝน 1 พ.ย. 2566 ของกรมชลประทาน จะมีปริมาณน้ำเหลือต่ำกว่าปกติครึ่งหนึ่งจากปี 2565 โดย 4 เขื่อนหลักจะมีปริมาณน้ำเหลือ 7,239 ล้าน ลบ.ซม. จึงต้องขอความร่วมมือช่วยกันประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังเกษตรกรที่ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิต ในเดือนสิงหาคมนี้ยังคงงดการเพาะปลูกต่อไปจนกว่าสถานการณ์น้ำจะปกติ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงน้ำน้อย ทั้งนี้ ทางกรมชลประทาน จะบริหารจัดการเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับ สถานการณ์เอลนีโญอย่างละเอียดรอบคอบอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากภัยแล้งน้อยที่สุด

จากนั้น นายสุทธิพงษ์ และคณะ ตรวจดูระดับน้ำบริเวณพื้นที่ริมเขื่อนเจ้าพระยา จากนั้นได้เดินทางไปยัง เขาขยาย ตำบลเขาท่าพระ อำเภอเมืองชัยนาท เพื่อร่วมปลูกต้นไม้ ได้แก่ ต้นจามจุรี แคนา ต้นจิก และต้นไทรนิโครธ ตามโครงการฟื้นฟูพื้นที่เขาหัวโล้น ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ให้เขาขยาย เพื่อพัฒนาต่อยอดไปสู่พื้นที่สวนสาธารณะ สร้างความอุดมสมบูรณ์และความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนในชุมชนต่อไป


Message us