
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเข้าพบของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ว่า ไม่ได้มีการพูดคุยถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะเดินทางกลับประเทศไทยก่อนวันเกิด และตนจะไปคุยเรื่องอะไรละ ตนควรจะไปยุ่งกับเขาไหมล่ะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมดำเนินการอย่างไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นอำนาจใคร ซึ่งไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็นเรื่องของกฎหมาย เมื่อถามว่าในส่วนของนายกฯในฐานะที่คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อนายทักษิณประกาศจะกลับไทยมารับโทษ ได้มีการประสานมาทางตำรวจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ประสานได้อย่างไรล่ะ ผมถามว่าประสานอย่างไร แล้วผมจะไปรับปากได้ยังไง”
เมื่อถามว่า ไม่ได้หมายความว่า ตามไปรับปาก แต่ในฐานะนักโทษหนีคดีที่ประกาศจะขอกลับประเทศมารับโทษได้มีการประสานมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องประกาศอะไรทั้งสิ้น ถ้ากลับมาก็ดำเนินคดีก็จบ อยู่ในขั้นตอนของกฎหมายเขามีอยู่แล้ว ตนไม่ไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น และตนก็ไม่ใช่ศัตรูของใครทั้งสิ้น มันมีประเด็นทางกฎหมายก็ไปแก้กันทางกฎหมายสิจ๊ะ คือไม่ใช่นายกฯจะทำได้ทุกอย่าง จะบอกให้นะ ก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง อำนาจของใครก็ของใคร เป็นอำนาจของใครก็ว่ากันไปไม่งั้นจะเกิดความขัดแย้งอยู่แบบนี้ละ ใช่ไหม ถ้าเราเอาความขัดแย้งวันนี้มามากๆเข้าประเทศชาติจะเดินไม่ได้ อย่าลืมว่าเราอยู่ในสายตาของโลกเขาด้วย ประเทศไทยนี้ปัญหาจะเกิดทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ทั้งเรื่องการรักษาวินัยการเงินการคลังซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดีขณะนี้
“ทำอะไรก็ต้องคิดไปให้ไกล อย่าคิดใกล้ๆ คิดใกล้ก็ไม่พ้นสักที มันก็ติดหล่มอยู่ตรงนี้ ปัญหาก็เกิดอย่างนี้ ต้องมองว่าเราจะอยู่กันอย่างไรในระยะยาว ผมไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ยินดีด้วยซ้ำถ้าจะมีรัฐบาลใหม่ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดมันก็ดีใช่ไหมล่ะ เพราะต่างประเทศรอดูตรงนี้อยู่”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯคิดว่าถึงเวลาที่ต้องสลายขั้วชินวัตรกับขั้วอื่นๆ หรือไม่ นายกฯ เดินออกจากโพเดี้ยมพร้อมกล่าวว่า ไม่มีขั้วอะไรทั้งนั้น เราไปสร้างขั้วกันเอง