นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 44 ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำเร็จของการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้พุ่งเป้าความสนใจไปที่กรอบประเด็น 4 ด้าน คือ การประชุมคณะกรรมาธิการด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านบทบาทสมาชิกรัฐสภาสตรี และที่เป็นไฮไลท์ คือ รัฐสภาประเทศสมาชิกมีมติยกระดับ “การประชุมยุวสมาชิกรัฐสภาอาเซียน” ให้เป็นคณะกรรมาธิการถาวรขึ้นอีกคณะ โดยให้ความสำคัญต่อการเพิ่มเติมบทบาทของคนรุ่นใหม่ในรัฐสภาของประเทศต่าง ๆ มากขึ้น
ขณะที่ กรอบประเด็นทางการเมือง มีรัฐสภาประเทศสมาชิกมีข้อตกลงร่วมกันสร้างความมั่นคงทางด้านการเมืองในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีประชากรถึง 600 ล้านคน มากกว่ากลุ่มอื่นในโลกที่มีการรวมกลุ่มกัน โดยทิศทางคือจะทำอย่างไรให้ประเทศในอาเซียนสามารถยืนความเป็นกลางทางการเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำจากประเทศมหาอำนาจ อาเซียนจึงต้องจับมือกันด้วยความเข้มแข็งเพื่อที่จะได้ประโยชน์จากทุกฝ่าย
สำหรับ กรอบประเด็นด้านเศรษฐกิจ พูดถึงทิศทางความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเวที AIPA ควรมีบทบาทเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประชาชนกับรัฐบาล ผลักดันกฎหมายที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจหรือแก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดข้อขัดข้องด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเศรษฐกิจของประเทศในอาเซียนเติบโตขึ้น เป็นที่ต้องการของนักลงทุน ทิศทางนอกเหนือจากเศรษฐกิจที่ดี คือ ต้องไม่มีคอรัปชั่น ลดความหวาดระแวงของนักลงทุน ซึ่งเป้าหมายคือต้องร่วมกันรักษาสมดุลการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในอาเซียน รวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ที่ไปกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และการมุ่งเน้นสร้างประโยชน์สุขให้กับประชาชนทุกระดับชั้น
นอกจากบทบาท AIPA กับอาเซียน ซึ่งมีสถานะเป็น 2 องค์กรอยู่ในอาเซียนด้วยกันแล้ว ที่ประชุมในปีนี้ยังมีการพิจารณาถึงเงินกองทุนสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน ว่าควรจะเพิ่มเงินค่าบำรุงสมาชิก อีกทั้งบางประเทศสมาชิกยังอยู่ในภาวะสงคราม เช่น เมียนมาร์ ซึ่งน่าจะเป็นสาระสำคัญของการพูดคุยในกรอบการประชุม AIPA ในครั้งถัดไปด้วย
สำหรับ การประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 44 ประเทศไทย มีสส. สว. มาร่วมประชุม 18 คน ครบทุกช่วงวัย คือ มีสส.ทั้งที่เคยมีประสบการณ์การประชุมอาเซียน วัยกลางคนที่เป็นสส.มา 3 – 4 สมัย และคนรุ่นใหม่ที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปี จำนวนเกือบครึ่ง แสดงให้เห็นว่าไทยให้ความสำคัญต่อบทบาท ของสส.รุ่นใหม่ มียุวสมาชิกมากขึ้น ซึ่งรัฐสภาอาเซียน รัฐสภาเอเชีย-แปซิฟิก และรัฐสภาโลก ทั้ง 3 องค์กรเองต่างก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ประเทศไทยก็เป็นตัวอย่างในอาเซียนที่มีบทบาทของคนรุ่นใหม่มากขึ้น
