บุกจับปืนเถื่อนกลางกรุงยึด 16 กระบอกกระสุนอื้อผลิตโพสต์ขายออนไลน์

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , สั่งการให้ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ จับกุม นายโชติธนภัทร์ อายุ 39 ปี พร้อมของกลาง ปืนบีบีกันแปลง ขนาด.38 จำนวน 5 กระบอก, รถยนต์โตโยต้าฟอจูเนอร์ สีขาว ป้ายทะเบียน เพชรบูรณ์, อาวุธปืนหักลำไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 12 กระบอก, อาวุธปืนหักลำไทยประดิษฐ์ ขนาด 410 จำนวน 2 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน และชิ้นส่วนอาวุธปืนอีกจำนวนมาก จับกุมได้ที่ บริเวณลานจอดรถหน้าอาคาร 64 โครงการเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 ต่อเนื่องภายในห้องพัก ชั้น 2 โครงการเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 ถนนประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลพบเพจเฟซบุ๊กโพสต์จำหน่ายอาวุธปืนเถื่อน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลที่เคยมีประวัติคดีเคยถูกจับกุมฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปีนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ”ประกอบกับปัจจุบัน นายโชติธนภัทร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ของคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนหลังได้รับการประกันตัวยังมีพฤติกรรมลับลอบกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอยู่เช่นเดิม จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายโชติธนภัทร์ หลบหนีมาเช่าห้องพักอาศัยอยู่ที่โครงการเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 ถนนประชาพัฒนา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพบ นายโชติธนภัทร์ ผู้ต้องหายืนอยู่ที่รถยนต์โตโยต้าฟอจูเนอร์ สีขาว ป้ายทะเบียน เพชรบูรณ์ บริเวณลานจอดรถอาคาร46 ของโครงการเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 ท่าทางมีพิรุธ จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ ก่อนให้ นายโชติธนภัทร์ นำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปตรวจสอบที่รถยนต์คันดังกล่าว พบ อาวุธปืนบีบีกันดัดแปลง ยี่ห้อ วินกัน ขนาด .38 จำนวน 5 กระบอก พร้อมอุปกรณ์ในการดัดแปลงซุกซ่อนอยู่ท้ายรถเมื่อนำตัว นายโชติธนภัทร์ ขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องพัก ของอาคาร 64 โครงการเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 พบ อาวุธปืนหักลำไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 spl จำนวน 12 กระบอก , พบอาวุธปืนลูกซองหักลำไทยประดิษฐ์ เบอร์ 20 จำนวน 1 กระบอก , อาวุธปืนลูกซองหักลำไทยประดิษฐ์ เบอร์ 410 จำนวน 1 กระบอก ซุกซอนอยู่ในตู้ห้องครัวระเบียงด้านหลังห้องพัก รวมอาวุธปืนทั้งหมด 19 กระบอก อีกทั้งเครื่องกระสุนปืนขนาด .22 , .38 , .380 , กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 , กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 รวมจำนวน 155 นัด , ชิ้นส่วนโม่ปืน จำนวน 9 โม่ , ลำกล้องอาวุธปืน ขนาด .38 จำนวน 12 ลำ ตลอดจนชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนอื่นๆ และอุปกรณ์การแพ็กส่งขาย รวมกว่า 20 รายการ จึงยึดไว้เป็นของกลาง

สอบสวน นายโชติธนภัทร์ ให้การว่า เดิมทีทำงานเป็นฝ่ายผลิตของโรงงานผลิตยางรถยนต์ ต่อมาปี 2561 ด้วยความที่ตนเป็นคนชอบเครื่องอาวุธปืนจึงได้ลองซื้อปืนลูกซองหักลำมาเก็บไว้ ต่อมาตนรู้สึกเบื่อปืนลูกซองหักลำ จึงนำปืนไปลองโพสต์ขายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อหาเงินไปสั่งซื้อปืนแบงค์กันดัดแปลงมาใช้แทนจนขายได้ จึงเริ่มต้นจากการสั่งซื้อมาขายไป และพัฒนาจากสั่งทีละกระบอกจนมาเป็นสั่งมาครั้งละ 70 ถึง 100 กระบอก จนมีรายได้กว่าเดือนละกว่า 2-3 แสนบาท จนมาถูกจับกุมเมื่อปี 2562 ท้องที่ สภ.วังน้อย รับโทษจำคุก 2 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาได้หันมาทำไร่ทำสวน แต่ก็ยังแอบสั่งซื้ออาวุธปืนก่อนที่ปี 2564 จะมาถูกจับกุมใน ท้องที่ สภ.บึงสามพัน ครั้งนี้ รับโทษจำคุก 12 เดือน หลักพ้นโทษ ตนไม่มีงานทำ เนื่องจากตนยังมีอาวุธปืนที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านอีก 1 กระบอก จึงได้โพส์ตขายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และถูกจับกุมใน ท้องที่ สภ.จอหอ อีกครั้งซึ่งคดีอยู่ระหว่างประกันตัวชั้นอุทธรณ์

นายโชติธนภัทร์ ให้การต่อว่า หลังจากได้รับการประกันตัวเนื่องจากตนไม่รู้จะทำอาชีพอะไรที่จะหาเงินได้เร็ว ประกอบกับรู้สึกว่าตนมีประสบการณ์จากการถูกจับกุมตัวบ่อยครั้ง จึงกลับมาลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน ดัดแปลงอาวุธปืนบีบีกันให้สามารถยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 ได้ ให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ได้สร้างเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่ออำพราง ตั้งชื่อในลักษณะกลุ่มแทนตนเองเพื่อให้สมาชิกที่เคยสั่งซื้ออาวุธปืนกับตนรู้จัก โดยตั้งตนเองเป็นประธานกลุ่ม ได้มีการขายเสื้อผ่านเฟซบุ๊กที่ตนมีการโพสต์ประกาศขายปืนด้วยในคราวเดียวกัน จนมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้ ซึ่งลักลอบขายอาวุธปืนเฉลี่ยเดือนละประมาณ 30 -50 กระบอก ได้กำไรเฉลี่ยกระบอกละ 1,500 -2,000 บาท มีรายได้ต่อเดือนเดือนละประมาณ 60,000 ถึง 100,000 บาท เงินที่ได้นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เที่ยวเตร่ก่อน ตำรวจได้นำตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.จรเข้น้อย เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปีนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า อาวุธปืนที่ตรวจค้นพบ เป็นต้นตอที่คนร้ายจะนำไปก่อเหตุอาชญากรรมต่าง ๆ ส่งผลร้ายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ในสังคมได้ ส่วนผู้ที่ลักลอบขายอาวุธปืนากซื้อขายอาวุธปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ผู้ขายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท หากประชาชนมีเบาะแสการลักลอบขายปืน สามารถติดต่อแจ้งมาได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB ได้ตลอดเวลา

Message us