
จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ปืนของทางราชการจำนวน 16 0 กระบอกได้หายไปจากสภ.ปากเกร็ด ภ.จว.นนทบุรี ต่อมาสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวได้คือ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ปากเกร็ด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคลังอาวุธปืน ได้แอบทยอยลักเอาปืนหลวงออกไปจำหน่ายและจำนำเป็นจำนวนมาก โดย ด.ต.เชาวลิตถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งขยายผลติดตามอาวุธปืนที่ถูกลักออกไปจำหน่ายทั้งหมดกลับคืนมา รวมทั้งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับซื้ออาวุธปืนหลวงที่ถูกลักไปดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามอาวุธปืน ทั้งหมดที่ถูกลักออกไป ซึ่งประกอบด้วย
1.อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Sig Sauer รุ่u P320 SP จำนวน 23 กระบอก
2.อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ GLOCK จำนวน 20 กระบอก
3.อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ GLOCK รุ่น MS จำนวน 4 กระบอก
4.อาวุธปืนพกสั้นลูกโม่ ขนาด .38 ยี่ห้อ Smith and Wesson จำนวน 42 กระบอก
5.อาวุธปืนยาว COLT M4 จำนวน 25 กระบอก
6.อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Sig Sauer รุ่น M18E (Carry) จำนวน 46 กระบอก

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า อาวุธปืนดังกล่าวถูกนำไปขายและจำนำกับบุคคลหลายกลุ่ม ได้มีการผลัดเปลี่ยนมือกันแล้วหลายทอด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและสามารถออกหมายจับ กล่มบุคคลดังกล่าวได้แล้วจำนวน 13 ราย โดยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.1 ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อติดตามหาอาวุธปืนที่ถูกลักไป และติดตามจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 34 จุด ใน 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี 29 จุด กรุงเทพฯ 4 จุด และปทุมธานี 1 จุด ผลการปฏิบัติสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานรับของโจร
ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามอาวุธปืนราชการ กลับมาได้แล้วจำนวน 64 กระบอก ประกอบด้วย
1. อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Sig Sauer จำนวน 20 กระบอก
2. อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ GLOCK จำนวน 7 กระบอก
3. อาวุธปีนพกสั้นลูกโม่ ขนาด 38 ยี่ห้อ Smith and Wesson จำนวน 30 กระบอก
4. อาวุธปีนยาว COLT M4 จำนวน 7 กระบอก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวแม้ในส่วนของคดีหลัก จะสามารถจับกุมดำเนินคดีกับตัวผู้ก่อเหตุลักอาวุธปืนราชการได้แล้ว แต่ในส่วนของอาวุธปืนที่ถูกลักออกไป จำเป็นจะต้องมีการติดตามกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่ง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งรัดในการติดตามอาวุธปืน และดำเนินคดีกับผู้ที่รับซื้ออาวุธปืนที่ถูกลักไปทั้งหมด จนสามารถติดตามปืนกลับมาได้แล้ว 64 กระบอก และจับกุมผู้รับซื้อหรือช่วยซุกซ่อนอาวุธปืนดังกล่าวได้แล้วจำนวน 4 ราย ในส่วนของอาวุธปืนที่เหลือนั้น เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดการติดตามอาวุธปืนดังกล่าวกลับมา และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหากพบว่ามีผู้รับซื้อหรือช่วยซุกซ่อนอาวุธปืนราชการที่ถูกลักไปอีก จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

