
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ไปติดตามความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ 191 ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI) เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ มีการแอบอ้างว่าเป็นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบภายในกลับมีคนจีนเข้าออกมาพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้วพบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสด 2.5 ล้านบาท จึงตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อตรวจสอบ ต่อมามีการร้องเรียนว่า มีเงินสดที่ได้จากการตรวจค้นหายไปจำนวนมาก และมีการเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในบ้านเพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเนื่องจากเป็นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ในทางทุจริต เพื่อทำข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวให้กระจ่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รวมรวมพยานหลักฐานประกอบตามกรณีดังกล่าว

จากการสืบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 (บก.สปพ.) และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยล่ามคนจีน ได้รับการประสานจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยในกรณีที่ นายโอนาซิส ซานริค ดาเม่ อดีตกงสุลนาอูรุประจำประเทศไทย เช่าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. แต่กลับมีชาวจีนเข้าออกบ้านหลังดังกล่าวจำนวนมาก
จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าววันที่ 22 ธ.ค.2565 ผลการตรวจค้นพบชาวจีน 2 คน พร้อมคนงานในบ้าน มีทั้งชาวไทย จีน และเมียนมาอีก 6 คน รวมทั้งพบสุราต่างประเทศ และบุหรี่ซิการ์จำนวนหนึ่ง และเงินสดประมาณ 8 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในชาวจีนดังกล่าวคือ นายเหมา เติ้ง เผิง เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากลกรณีเกี่ยวข้องกับแก๊งปลอมพาสปอร์ตสัญชาติหมู่เกาะมาแชลและประเทศนาอูรู
แต่ทางเจ้าหน้าที่มีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยให้ล่ามเป็นคนไปรับเงินจากตัวแทนของชาวจีนดังกล่าว ที่บริเวณปั๊มน้ำมันบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จำนวน 4 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกตรวจยึดเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท และส่งตัวน.ส.เซี่ยง หยาง ผู้ดูแลบ้านดังกล่าว พร้อมเงินที่ตรวจยึดให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถูกดำเนินคดีในกรณีไม่พกพาหนังสือเดินทาง

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มกราคม เจ้าหน้าที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของตำรวจ 191 กรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวม 16 ราย ข้อหา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ DSI เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 16 นาย ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และรับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI ได้รับการประสานให้เข้าไปตรวจสอบบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งซ่องสุมของชาวจีนที่มี่ส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย แต่เมื่อมีการตรวจค้นพบผู้ต้องหาแล้ว กลับมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ จึงได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด หลังจากนี้จะทำการขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ต้องหาที่หลบหนี นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป