
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แถลงกรณี นางทับทิม ซู ฮาวสัน อายุ 57 ปี หญิงไทยในอเมริกาได้ก่อเหตุขับรถยนต์ชนนายเบนจามิน เคเบิล อายุ 22 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ แล้วหลบหนีกลับมากบดานที่ประเทศไทย และได้ดำเนินการออกหมายจับ และต้องการประสานทางการไทยเพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลกรณีดังกล่าว รวมทั้งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหญิงไทย เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับนางทับทิม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏ
ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากที่นางทับทิม เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ได้ไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ต่อมาวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เมื่อมีข่าวปรากฏทางสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย นางทับทิมได้ย้ายพักอาศัยที่ห้องพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบข้อมูล จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าว และพบนางทับทิมอาศัยอยู่จริง จึงได้สอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นางทับทิม กล่าวยอมรับว่า เป็นบุคคลที่ปรากฏชื่อตามข่าวจริง และเป็นผู้ก่อเหตุขับรถชนนายเบนจามินจริง ด้วยความตกใจจึงได้บินกลับมาที่เมืองไทยก่อน โดยขณะนี้ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพร้อมที่จะเดินทางกลับไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่สหรัฐอเมริกาตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อชนแล้วพบว่าเป็นคน ไม่ได้คิดที่จะหนีแต่ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก พยายามโทรหาตำรวจเพราะเราทำอะไรไม่ได้ ซึ่งจริงๆแล้วตอนแรกคิดว่าเราจะโดนปล้นด้วยซ้ำ ลักษณะเหมือนคนจะให้เราจอดรถ ในตอนนั้นมีรถอูเบอร์จอดอยู่ข้างๆ เนื่องจากมืดจากนั้นก็ชนเพราะขวางหน้าเรา ทั้งนี้ไม่กล้าลงไป ตอนที่ชนตอนแรกคิดว่าเป็นกวาง แต่เมื่อชนแล้วจึงทราบว่าเป็นคน หลังเกิดเหตุก็กลับบ้านและใช้รถอีกคันไปทำงาน ส่วนที่ตัดสินใจกลับมาไทย เพราะน้องสาวที่อยู่อังกฤษ เขามาอยู่ที่เมืองไทย เพราะได้ซื้อบ้านให้น้องสาวจึงคิดว่าจะกลับมาพูดคุยและปรึกษากับน้องสาวว่าจะทำอย่างไรต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวได้รับการประสานข้อมูลเบื้องต้นจากทางการสหรัฐ ผบ.ตร.จึงได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลตามที่ปรากฏ เพื่อจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และตามที่กฎหมายไทยกำหนดไว้ โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบและพูดคุยกับนางทับทิม เจ้าตัวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยินดีที่จะเดินทางกลับไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป โดยจากนี้จะประสานงานกับทางการสหรัฐเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่สามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม ทางการไทยกับสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์อันดีกันมาเป็นเวลานาน รวมทั้งมีความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมด้วยกันมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในครั้งนี้จึงถือเป็นการต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่างทางการไทยกับสหรัฐอเมริกาให้มีความมั่นคงต่อไป