“บิ๊กโจ๊ก”คาดโทษผู้การฯ-ผกก.ทั่วประเทศห้ามมีคดีปืนหาย

เมื่อวันที่ 5 เมษายน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แถลงความคืบหน้าคดีลักปืนหลวงของ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่า หลังจากมีการจับกุม ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร อดีต ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปากเกร็ด ที่ทำหน้าที่ตรวจเก็บและดูแลรักษาอาวุธปืนหลวงในคลังของ สภ.ปากเกร็ด ว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนสอบสวนพบหลักฐานว่า ด.ต.เชาวลิต เป็นคนลักเอาอาวุธปืนในคลังจำนวน 160 กระบอก ออกไปจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น และล่าสุดศาลได้ตัดสินจำคุก ด.ต.เชาวลิต 50 ปีแล้ว

รอง ผบ.ตร. ระบุว่า หลังจากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้ออาวุธปืนหลวงทั้งหมด รวมถึงติดตามนำอาวุธปืนกลับคืนมาให้ได้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ขยายผลและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด รวม 8 ราย ฐานละเว้นหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีควบคุมดูแลและตรวจสอบอาวุธปืนหลวง เป็นเหตุให้สามารถถูกลักออกไปขายได้

“ตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกดำเนินคดี  ได้แก่ อดีตผู้กำกับการ สภ.ปากเกร็ด 2 นาย , อดีตรองผู้กำกับการปราบปราม สภ.ปากเกร็ด 3 นาย และอดีตสารวัตรอำนวยการ สภ.ปากเกร็ด 3 นาย ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินคดีแล้วเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย ส่วนการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาที่จะชะลอไว้ก่อนได้” รอง ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถดำเนินคดีกับบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับซื้อปืนและรับจำนำปืนจาก ด.ต. เชาวลิต ได้แล้ว 23 คน ซึ่งทั้งหมดถูกดำเนินคดีข้อหารับของโจร พนักงานสอบสวนได้สอบสวนปากคำและมีความเห็นทางคดีส่งพนักงานอัยการพิจารณาแล้ว โดยผู้ที่รับซื้อปืนส่วนใหญ่เป็นนักเล่นการพนัน เจ้าของบ่อนพนันในพื้นที่ ไม่ใช่มือปืน แต่ถือว่าอันตรายเพราะหากปืนไปตกอยู่ในมือของกลุ่มนักพนัน มีปัญหาเมื่อไรก็มาก่อเหตุยิงกัน อีกส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มที่รับจำนำปืน เมื่อหลุดจำนำก็มีการนำไปขายต่อ รวมถึงกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มนักเลงด้วย

สำหรับอาวุธปืนหลวงที่ถูกลักไปสามารถติดตามคืนได้เพียง 63 กระบอก คงเหลืออีก 97 กระบอก ที่อยู่ระหว่างติดตามค้นหา ข้อมูลล่าสุดพบว่าปืนส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มกองกำลังมีประมาณ 20 กระบอก ส่วนใหญ่เป็นปืน M16 กองกำลังพวกนี้มีความต้องการอาวุธปืน เนื่องจากมีเงิน แต่ไม่สามารถหาปืนได้ เมื่อรับซื้อปืนไปแล้ว การเจรจาขอซื้อคืนจึงค่อนข้างยากแม้จะเสนอซื้อคืนด้วยจำนวนมาก แต่ก็ไม่ยอมขายให้ 

รอง ผบ.ตร. กล่าวย้ำว่า จะต้องเร่งติดตามปืนที่เหลือกลับขึ้นมาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้เลือกตั้ง อาจจะมีการนำอาวุธปืนไปใช้ก่อเหตุ ซึ่งได้กำชับผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัด และผู้กำกับทุกโรงพัก ป้องกันไม่ให้เกิดคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน หากพบว่าพื้นที่ใด มีคดีอาวุธปืนเกิดขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้ง ผู้การและผู้กำกับจะต้องรับผิดชอบจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ เพราะอะไรเกิดขึ้น ในพื้นที่ทุกอย่างจะต้องรับรู้สถานการณ์และป้องกันให้ได้ทั้งหมด

“ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบอาวุธปืนทั้งในระบบและนอกระบบอย่างละเอียด รวมทั้งอาวุธปืนของกลางที่คดีสิ้นสุดและปืนหลวงที่ปลดระวาง ชำรุด ทรุดโทรม เพื่อจัดทำบัญชี ก่อนส่งมอบและทำลายพร้อมกัน ตามระเบียบสำนักงานตำแหน่งชาติภายในสิ้นปีนี้ นับเป็นการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำปืนหลวงออกไปจำหน่าย” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

Message us