
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรักษาการนายกฯ แถลงหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศว่า ได้ติดตามสถานการณ์ที่อิสราเอลด้วยความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงได้มาประชุมหารือกันและเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือคนไทยและแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลทั้งหมด
ขณะนี้สถานทูตไทยในอิสราเอล เป็นศูนย์กลางในการประสานงานดูแลคนไทย วันนี้ยังออกไปไหนไม่ได้เพราะรัฐบาลอิสราเอลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ให้เคลื่อนย้าย แต่เราได้เตรียมความพร้อมต่างๆ และประสานกับจุดต่างๆ ล่วงหน้าในการซ้อมแผนต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอนและทุกเวลา เมื่อสักครู่เอกอัครราชทูตไทยในกรุงเทลอาวีฟได้รายงานสถานการณ์ให้ได้รับทราบ
ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน มีทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองทัพอากาศ กองทัพบก กองทัพเรือ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม ทุกหน่วยงานที่เกี่ยข้องในการเตรียมการที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน สิ่งที่สำคัญที่สุดของเราคือชีวิตและความปลอดภัยของคนไทยที่อยู่ที่นั่น
ขณะนี้เราทราบว่าได้มีการยืนยันผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 2 ท่าน แต่มีกระแสข่าวที่มาว่าอาจจะมีมากถึง 12 ท่าน แต่อันนี้ยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอการยืนยันจากทางการอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนบาดเจ็บในเบื้องต้นคือ 8 ท่าน ซึ่งในจำนวนนี้ 2 ท่านอาการสาหัส อีก 6 ท่านบาดเจ็บเล็กน้อย
ขณะนี้เราได้เตรียมการในการดูแลคนไทยที่อิสราเอลทั้งหมด โดยกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบินไว้ 6 ลำเป็น A340 1 ลำ และ C130 5 ลำ ทั้งหมดพร้อมจะเดินทางได้เลย ขณะที่รอให้มีความชัดเจน แต่ยังไม่รู้ว่ารายละเอียดต่างๆ จะได้เมื่อใด แต่กระทรวงการต่างประเทศได้มอบให้สถานเอกอัครราชทูตรวบรวมรายชื่อคนไทยเพื่อติดต่อประสานงานตามจุดต่างๆ ทั่วอิสราเอล และพร้อมที่จะดำเนินการทันทีที่เกิดเหตุการณ์
ส่วนอื่นๆ ก็ได้รับการดูแลด้วยเช่นกัน ได้มีการติดต่อประสานงานไปที่สำนักงานแรงงานที่จ.อุดรธานี ถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้ลงไปดูแลและให้กำลังใจและบอกว่ารัฐบาลให้คำมั่นที่จะดูแลอย่างเต็มที่ที่สุด ขณะนี้ทุกอย่างมีความพร้อม ทุกกระทรวง ทบวง กรมโดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมประเด็นต่างๆ เตรียมการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จัดรถ เส้นทางอพยพทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศในทุกส่วน
สิ่งที่สำคัญขั้นต้นคือจะอพยพแรงงานที่อยู่ในเขตที่ไม่ปลอดภัยมาอยู่ในเขตที่ปลอดภัยก่อน และกำลังแสวงหามิตรประเทศรอบข้าง ในชั้นต้นเนื่องจากคนไทยมีอยู่เกือบ 30,000 คน เราจะจัดคนไทยที่อยู่ในจุดที่น่าห่วงใยหรืออยู่ในจุดที่ไม่ปลอดภัยมากที่สุดออกมาจากสถานที่นั้นภายในประเทศหรือไปประเทศข้างเคียงก่อนที่จะอพยพออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องคำนึงถึงแรงงานต่างๆ ด้วยว่าสมัครใจหรือไม่สมัครใจ แต่เราก็ต้องพยายามโน้มน้าวชักจูงให้ออกมาจากจุดที่ไม่ปลอดภัยก่อน
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมเรื่องเอกสารวีซ่าและพาสปอร์ตในการเคลื่อนย้าย และได้ประสานกับประเทศที่เป็นเส้นทางการบินให้ครบถ้วนรอบด้าน โดยเอกอัครราชทูตไทยจะอยู่ที่ศูนย์บัญชาการในกรุงเทลอาวีฟ จะเป็นจุดประสานงาน กระทรวงการต่างประเทศโดยศูนย์นี้ จะทำงานทุกวัน มีรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ.และรมช.ต่างประเทศ อยู่บริหารงาน และเราพร้อมจะประชุมฉุกเฉินทันทีที่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น ขณะนี้มีการเตรียมการไว้แล้วในทุกด้าน เราได้ตกลงกันว่าถ้ามีสัญญานฉุกเฉินไม่ต้องรอให้เหตุการณ์เกิด เราก็พร้อมจะดำเนินการทั้งหมด