“บิ๊กป้อม”มั่นใจรอบหน้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกชี้หาก “ประยุทธ์” ไปพรรคอื่น พปชร.ไม่มีปัญหา

เมื่อวันที่11 พ.ย.2565 ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางมาร่วมการสัมมนาของ พปชร. โดยมี ส.ส. และสมาชิกพรรค มารอต้อนรับจำนวนมาก โดย พล.อ.ประวิตร ค่อนข้างอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสมาชิกพรรคอย่างเป็นกันเอง เนื่องจากทราบว่าการสัมมนาในช่วงเช้ามี ส.ส.แสดงเจตจำนงมาร่วมถึง 80 คน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มาร่วมกันอย่างคึกคัก

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้เพื่อปฏิบัติตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ให้ กกต.มาพูดให้ฟังว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และเมื่อถามว่า วันนี้ดูเหมือนเป็นการแสดงพลังความเป็นหนึ่งเดียวของ พปชร. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้แสดง เพราะเป็นหนึ่งเดียวมาตลอด เวลาประชุมจะมีสมาชิกมาร่วมมากมาย ไม่ต้องห่วงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว และ เมื่อถามว่า วันนี้จะมีการเช็กชื่อหรือไม่ว่าใครยังไปต่อกับพรรคบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ต้องถามหรอก เพราะอยู่ทุกคน ผมจะให้เขาอยู่กับผมทุกคน เขาไม่ไปไหนกันหรอก”

ทั้งนี้เมื่อถามว่าเขายืนยันกับพล.อ.ประวิตรแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องยืนยัน ไม่ต้องฟังคำยืนยัน เชื่อมั่นในตัวพวกเขา เพราะเราอยู่ด้วยกัน มีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เมื่อถามย้ำว่า คนที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายไป ต้องเรียกมาคุยด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ต้องเรียกหรอก ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าใครจะไป แต่ว่าก็แล้วแต่บุคคลจะคิดอย่างไร”

เมื่อถามอีกว่า มีความชัดเจนเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร. ว่าจะยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้ประชุม ถามตั้งหลายทีแล้ว จะถามอะไรอีกล่ะ ถามทุกวันเลย เมื่อถามอีกว่า มีข่าวว่า มีชื่อของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคยังไม่มีมติให้ใครเลย ตัวตนเองยังไม่มีชื่อเลย แล้วแต่พรรค เรามีกรรมการบริหารพรรค มีสมาชิกที่จะต้องดูแล พรรคนี้จะต้องเป็นพรรคใหญ่ต่อไป จะต้องเป็นพรรคที่เข้มแข็ง เมื่อถามว่า แล้วจะต้องเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้าด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เราหวังอย่างนั้น เราตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะมาบริหาร มาทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรือง

ขณะเดียวกันเมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็แล้วแต่สมาชิกพรรค และเมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้มีสมาชิกเหมือนจะหนุนให้หัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่งของพรรค พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อันนั้นไม่รู้ ไม่ทราบ

อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่า แบบนี้ต้องคุยให้ชัดเจนหรือไม่ว่าใครจะอยู่อันดับไหน ระหว่าง ลุงตู่ กับ ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ยังไม่ได้คุยกันเลย ความจริงลุงตู่ก็ไม่ได้อยู่ในพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเสนอให้มาเป็น เราสนับสนุนให้ลุงตู่มาเป็น”

เมื่อถามอีกว่า มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปพรรคอื่น ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์เรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อันนี้ต้องไปถามตัวท่านนายกฯประยุทธ์ดูนะครับว่าท่านจะไปหรือไม่ไป ของเราไม่มีปัญหา และเมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่ายังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงๆ

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศก่อนการเริ่มงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ ในช่วงบ่าย ระหว่างแกนนำพรรค รอ พล.อ.ประวิตร เดินทางมา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ได้เดินมาทักทาย พูดคุยกับสื่อมวลชน พร้อมพูดว่า “อยากรู้ไหมว่า 8 ห้องหัวใจมีใครบ้าง ถ้าผ่าออกมาจะเห็นเลยว่า หัวใจมีแต่ พล.อ.ประวิตร”

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แสดงว่าในใจมีแต่วงษ์สุวรรณ ใช่หรือไม่ นายวิรัช กล่าวว่า “ในใจเท่านั้น” จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงถามอีกว่า แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลมโหม อยู่ตรงไหน ทำให้นายวิรัช พร้อมกับกลุ่ม ส.ส. พร้อมใจกันหันหน้าชี้ไปทาง นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อย่างไรก็ตาม นายวิรัช ได้ย้ำกับผู้สื่อข่าวหลายรอบว่า “ในใจมีแต่พล.อ.ประวิตร ชาตินี้ไม่คิดเป็นลูกน้องใคร”

เมื่อถามว่า หากต้องเลือกระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกใคร นายวิรัช กล่าวว่า “ก็ไม่อยากให้มี ถ้าจำเป็นก็จะอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน และในใจมีแต่ลุงป้อมอย่างเดียวจริงๆ เพราะไปเหนือ ล่องใต้ก็ไปหมด เพราะอยากให้รู้ว่ายังอยู่ตรงนี้”

จากนั้นนายวิรัชได้แต่งกลอนว่า “ชาตินี้รักใครไม่ได้แล้ว ไม่ผ่องแผ้วมืดมิดไม่คิดหนี ทั้งชีวิตต้องคอยและชีวี พร้อมยอมพลีให้ลุงป้อมตลอดไป” ปรากฎว่า นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการได้มาพูดประโยคตบท้ายว่า “แต่บางทีก็ไป จันทร์โอชา” ทำให้ทั้งผู้สื่อข่าวและกลุ่ม ส.ส.ต่างหัวเราะ ก่อนที่นายวิรัช จะออกตัวว่า บทปิดท้ายนายกรุงศรีวิไล เป็นคนพูดเองไม่เกี่ยวกับตน

ขณะเดียวกัน นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีกระแสว่าจะเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาสังเกตการณ์การสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมกับกล่าวว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร แล้ว ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ พล.อ.ประวิตร บอกว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปฏิบัติได้ พร้อมกับแจ้งกับตนว่าวันนี้จะมีการสัมมนาของพรรค อยากให้เข้ามาดูบรรยากาศการสัมมนาของพรรคว่าเป็นอย่างไร ตนเห็นว่าเป็นประโยชน์ ทั้งนี้ ก่อนที่เราจะไปที่ไหนก็แล้วแต่ การได้รู้ข้อมูลมากที่สุดน่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนและประชาชน ตนไม่อยากล้มเหลวและไม่อยากเปลี่ยนพรรคไปเรื่อยๆ การทำงานของตนที่เคียงข้างประชาชนทำถูกให้ถูก ทำผิดให้ผิด

นายอันวาร์ กล่าวว่า เท่าที่ดู พปชร. ไปกับตนได้ ซึ่งการได้มาฟังในวันนี้ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำกลับไปเพื่อพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่เพื่อขอมติประชาชนว่าตนควรจะอยู่พรรคไหน โดยจะไปพูดกับประชาชนประมาณสิ้นเดือน พ.ย.นี้ และในวันนั้นอาจจะมีการพูดถึงพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีไมตรีจิตมาถึงตน พรรคใดเป็นอย่างไร มีนโยบายแบบไหน เราไปตรงไหนได้บ้าง มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าสำคัญสำหรับคนในพื้นที่ที่จะตัดสินใจว่านายอันวาร์ควรต้องไปอยู่ที่ไหน คนที่จะตัดสินใจว่านายอันวาร์จะไปที่ไหนคือคนในพื้นที่

Message us