
เมื่อวันที่24 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี รอให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ทันทีที่ พล.องประยุทธ์ ลงเครื่อง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ปรี่เข้าไปไหว้นายกฯอย่างนอบน้อมจนเกือบจะแนบอก ก่อนใช้ รถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน 8 กฒ 8382 กรุงเทพมหานคร ในการลงพื้นที่
โดยจุดแรก พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ สักการะพระพุทธมหาธรรมราชา ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลและเยี่ยมชม พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ องค์พระเนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์
ทั้งนี้ได้มีประชาชนมารอต้อนรับในพุทธอุทยานเพชรบุระ และเข้ามาสวมกอดนายกฯพร้อมกล่าวว่า “ขอกอดลุงตู่หน่อยนะ พวกเราขอเป็นกำลังใจให้กับลุงตู่ ชาวบ้านรักท่านนะ ขอเป็นกำลังใจ เราทุกคนรักชาติ ขอให้ท่านรักชาวบ้าน เราเป็นกำลังใจให้ท่านเสมอ”
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านยังมอบเสื้อยืดสกรีนลายสัญลักษณ์ประจำจังหวัดให้นายกฯ พร้อมตะโกน นายกฯสู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ พวกเราอยู่ข้างลุงตู่ พวกเราเป็นกำลังใจให้ และชู2นิ้วให้กำลังใจนายกฯด้วย
ในขณะที่ นายสันติ ได้ยืนยิ้มอยู่ข้างๆนายกฯ ทำให้นายกฯหันมาจับมือนายสันติพร้อมกล่าวว่า “เดี๋ยวถ้าได้จะสนับสนุนให้นะ รมต.สันติ จะได้อุ้มพระองค์นี้ลงน้ำ” โดยนายกฯได้ผายมือไปทางองค์พระพุทธมหาธรรมราชา ทำให้ นายสันติ ยิ้มแก้มปริพร้อมกับยกมือไหว้ประชาชน ก่อนที่จะเดินตามนายกฯไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ตรวจติดตามโครงการแก้มลิงที่ผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักมาเก็บไว้ในสระน้ำขนาดใหญ่บริเวณด้านหลังพุทธอุทยานเพชรบุระ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำของจังหวัดเพชรบูรณ์
จากนั้น นายกฯได้เป็นประธานในพิธี KICK OFF มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยทันทีที่มาถึงนายกฯได้เดินทักทายประชาชนส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ขณะที่ภายในงานได้มีการเปิดเพลงใจเพชร ที่ประพันธ์คำร้องโดย พล.อ.ประยุทธ์
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างเป็นประธานในพิธี KICK OFF ฯ ว่า มาหลายครั้งเพชรบูรณ์ไม่เคยผิดหวัง ทุกคนมีความรักความสามัคคีกันดีมากๆ ขอบคุณทุกท่านด้วยใจจริง และ สิ่งแรกที่อยากจะบอก คือจงภูมิใจในพื้นแผ่นดินไทยให้มากที่สุด เป็นดินแดนแห่งความสุขสงบและสันติใต้ร่มพระบารมี พระบรมมาโพธิสมภาร และอยู่ในร่มเงาของศาสนาทุกศาสนาที่อยู่ร่วมกันได้ คนไทยแตกแยกกันไม่ได้ ถ้าแตกแยกกันเมื่อไหร่ศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันที่มีอยู่จะหมดไปทันที
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากเกษตรกรแล้วยังมีธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องดูแล ตนเข้าใจในความลำบาก ประชาชนลำบาก ตนก็ยิ่งลำบากกว่า แต่อาจจะไม่ลำบาก เหนื่อยกาย เหนื่อยใจเท่า แต่เหนื่อยตรงตรงที่จะแก้ปัญหาให้อย่างไรนั่น คือหัวใจของคนที่เป็นรัฐบาล จะต้องนึกถึงประชาชนให้ได้มากที่สุดและหาวิธีการที่จะทำให้ได้ แต่จะได้มากได้น้อยต้องเข้าใจกัน
“อยากให้ทุกคนยิ้มแบบนี้ทั้งประเทศ จะทุกข์จะสุขก็ยิ้มให้กัน ยิ้มแย้มแจ่มใสความทุกข์เก็บไว้แล้วค่อยๆแก้ ค่อยๆระบาย แต่ถ้าระบายออกด้วยความเกลียดชังซึ่งกันและกัน มันไม่มีอะไรจะดีขึ้น นอกจากปลูกฝังความเกลียดชังไปเรื่อยๆ และเราก็ทรมาน ยืนยันว่าผมไม่ใช่ศัตรูกับใครทั้งสิ้น และ ทุกอย่างที่พูดไปเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของผมตั้งแต่มาเป็นนายกฯตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้และคงอยู่ไปอีกนาน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ท่ามกลางเสียงปรบมือและส่งเสียงสนับสนุน จึงทำให้นายกฯ กล่าวขึ้นว่าอย่าไปตีความผิดว่าผมจะอยู่อีกนาน เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก ทำงานจนลืมวัน เดือน ปี นาฬิกาไม่เคยดู”
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันข้างหน้าต้องไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไรถ้าเราแตกแยกกันไปเรื่อยๆมากขึ้นแล้วจะได้ข้อยุติอะไร จึงต้องไปแก้ปัญหาที่ความยากจน โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างหนี้ และเงินทั้งหมดไม่ใช่เงินของตนหรือธนาคาร แต่เป็นเงินของประชาชน รัฐบาลต้องมารับผิดชอบเงินงบประมาณก้อนนี้อยู่ดี เพราะต้องใช้หนี้ธนาคาร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ที่มามาเพื่อให้เห็นหน้าเห็นตาและทำสัญญาใจว่าเราจะช่วยกัน ช่วยกันให้ได้ในเรื่องที่ทำให้ประเทศเติบโตและปลอดภัยเป็นประเทศที่มีสุขภาพจิตที่ดีจะต้องใช้เวลาไม่ใช่ 1 ปี หรือ 2 ปี ที่อยู่มาวันนี้หลายปีก็ทำอะไรได้เยอะพอสมควร นี่ไม่ได้พูดว่าอยากหรือไม่อยากอยู่อะไรทั้งสิ้น ไม่เกี่ยว เดี๋ยวจะตีความกันผิดอีก สุขก็ยิ้ม ทุกข์ก็ยิ้มและที่ตนเองยิ้มอยู่ในใจก็ร้อนอยู่
ทั้งนี้ นายกฯ ย้อนถามประชาชนว่า ที่ได้พูดไปเข้าใจบ้างหรือไม่ พร้อมพูดอ้อนว่า “และเห็นใจกันบ้างไหมจ๊ะ” จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า “ต่างคนก็ต่างเห็นใจกัน”
อย่างไรก็ตามภายหลังนายกฯเป็นประธานในพิธีเสร็จสิ้น ได้เดินสอบถามสารทุกข์สุขดิบของประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม โดยประชาชนบางคนถึงขั้นเข้ามาสวมกอด และร้องไห้ดีใจที่เจอนายกฯและได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ขณะที่บางคนจะลงกราบที่เท้าของนายกฯ แต่นายกฯ ได้ห้ามไว้พร้อมระบุว่า “ไม่ต้องทำแบบนี้”
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการลงพื้นที่ของนายกฯ ครั้งนี้ แม้จะมีการรักษาความปลอดภัย ทั้งทีมทหารและตำรวจ แต่ไม่ได้เข้มงวดเหมือนกับการลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ โดยประชาชนสามารถเข้ามาใกล้ชิดสวมกอดนายกฯ เดินตามขอถ่ายภาพ และเข้ามาร้องความทุกข์ ความต้องการต่อนายกฯ โดยตรงได้แบบประชิดตัว จากนั้นนายกฯเดินทางกลับกรุงเทพฯ