เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 16 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน และเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท กลุ่มเป้าหมายประมาณ 50 ล้านคน โดยให้สิทธิ์ใช้ในระยะ 6 เดือน ครอบคลุมการใช้จ่ายในระดับอำเภอตามบัตรประชาชน โดยจะสิ้นสุดโครงการ 2570 โดยสามารถใช้ผ่านแอปเป๋าตัง กฏหมายเข้าสภาฯ ต้นปี 67 คาดเริ่มใช้ พ.ค.67
ทั้งนี้ แหล่งที่มาของวงเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการประมาณ 5 แสนล้านบาท รัฐบาลจะใช้วงเงิน 6 แสนล้านบาทเพื่อดำเนินการในส่วนนี้ โดยเงิน 5 แสนล้านบาทจะมีการใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้ ส่วนอีก 1 แสนล้านบาทรัฐบาลจะนำเงินไปใส่ในกองทุนเสริมสร้างการแข่งขันในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (New S Curve) เพื่อใช้ในการให้สิทธิประโยชน์ในการดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาลงทุน โดยกองทุนนี้จะใช้ในการดึงดูดการดึงบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า นโยบายเงินดิจิทัล เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยใรระยะเวลา อันรวดเร็ว เงินจะถูกส่ง ไปยังประชาชน เงิน ที่อยู่ อำเภอเดียวกับ บัตร ประชาชนของท่าน เงินก้อนนี้ไม่ได้มาจากการเสกเงิน สร้างเงิน พิมพ์เงิน แต่อย่างใด ไม่มีการเทรดในตลาดหลักทรัพย์ และคริปโต ใดๆทั้งสิ้น เงินตัวนี้จะมีที่มาจากเงินบาท และมีมูลค่าเป็นเงินบาท พูดให้ชัดอีกทีครั้งนะคับประชาชนจะซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เท่านั้น ไม่สามารถซื้อ เครื่องดืม แอลกอฮอล์ กัญชา และพืชกระท่อม ไม่สามารถนำไปซื้อ ทอง เพชร พลอย อัญมณี ได้ ไม่สามารถจ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และแลกเป็นเงินสดไม่ได้ โดยสามารถใช้ผ่านแอปเป๋าตัง กฏหมายเข้าสภาฯ ต้นปี 67 คาดเริ่มใช้ พ.ค.67
สำหรับ นายกฯ กล่าวว่า คนที่ไม่ได้เข้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะสามารถอออกโครงการ “E refund” สำหรับการลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่ายได้ 50,000 บาท
