
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่นครพิษณุโลก จ.พิษณุโลก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ตรวจเยี่ยมโรงผลิตน้ำประปา เทศบาลนครพิษณุโลก ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อพูดคุยปัญหาน้ำประปา โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ร่วมการตรวจเยี่ยม

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขระบบผลิต ระบบจ่ายน้ำประปาจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายกเทศมนตรี กรมชลประทาน และประชาชน สำหรับจังหวัดพิษณุโลกมีระบบท่อส่งน้ำมีอายุการใช้งานกว่า 70 ปี เกิดการแตกรั่วบ่อยครั้งเป็นเหตุให้สูญเสียน้ำอยู่ที่ 50% ทำให้น้ำประปามีปริมาณไม่เพียงพอ เกิดปัญหาน้ำไหลอ่อนและน้ำขุ่นแดง อีกทั้งมีถังสำรองน้ำในปริมาณจำกัด ทำให้ไม่สามารถให้บริการน้ำประปาแก่ประชาชนได้เต็มประสิทธิภาพ จังหวัดพิษณุโลกจึงต้องการที่จะปรับปรุงระบบเส้นท่อให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับเพิ่มถังสำรองน้ำและก่อสร้างเขื่อนท้ายเมืองเพื่อกักเก็บน้ำให้สามารถรองรับการใช้บริการของประชาชนได้เพียงพอตลอดเวลาและยังเป็นการเพิ่มระบบนิเวศให้กับจังหวัดพิษณุโลกอีกด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าการบริหารจัดการน้ำมีหลายส่วน ทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภคน้ำ จังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดแรกที่รัฐบาลลงพื้นที่และประสบปัญหานี้ในเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยวันนี้รัฐบาลจะรับเรื่องเพื่อส่งต่อข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องแหล่งกักเก็บน้ำ ท่อน้ำประปาที่สร้างมาเป็นเวลานานจนประสบปัญหารั่ว ซึม และสูญเสียน้ำระหว่างทางของการส่ง ซึ่งเมืองพิษณุโลก 80 ปีที่ผ่านมาพัฒนาจากเมืองรองจนเป็นเมืองหลักแห่งการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องของการอุปโภคบริโภคน้ำเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ การพัฒนาของเมืองก็จะไม่สามารถเดินหน้าได้เต็มประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและจะทำการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจปัญหาและหาทางแก้ไขในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว นอกจากนั้นเรื่องของการสร้างเขื่อนท้ายเมือง ขอให้มีการสอบถามประชาชนในพื้นที่ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และศึกษาข้อดี ข้อเสียของเขื่อน หากศึกษาแล้วเห็นว่าดี รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยนายกรัฐมนตรีฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม และเสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยเร็ว

“นายกฯ เพิ่งทราบปัญหานี้ ตอนที่เคยมาช่วงเลือกตั้ง ถ้าทราบจะเตรียมทางแก้ปัญหาไว้ แต่ถึงอย่างไรช้าดีกว่าไม่ทำ และต้องขอโทษด้วย อย่างไรก็ตาม สส.ในพื้นที่ก็ให้ความเป็นห่วงประชาชน จ.พิษณุโลกเป็นจังหวัดใหญ่ เมื่อมีปัญหาก็ต้องขอโทษ ในนามรัฐบาลจะนำมาพัฒนาและทำให้ดีในระยะสั้นก่อน และจะแก้ไขระยะยาวกันต่อไป ไม่เช่นนั้นเมืองรองที่มีคุณค่าอย่าง จ.พิษณุโลก จะไม่มีโอกาสเติบโตตามแผนงานพัฒนาเศรษฐกิจของชาติได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ ณ บึงเครง อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อพูดคุยประเด็นปัญหา ข้อจำกัด และวิธีการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก จันายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เข้าสักการะพระพุทธชินราช พร้อมกับกราบนมัสการพระสุธรรมมุนี ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก และพระมหาธนศักดิ์ จินฺตกวี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เลขานุการวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร

