
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นครั้งแรก เพื่อสวมเสื้อให้สมาชิกพรรค ในเย็นวันเดียวกันนี้ว่า แล้วมันมีปัญหาอะไรหรือไม่ ก็เป็นการไปทำหน้าที่นักการเมืองซึ่งถือเป็นเวลานอกราชการ ทำได้มิใช่หรือก็จะเดินทางไปหลังเวลา 16.30 น. ถ้าไปในเวลาราชการไม่ได้มันผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามถึง การปราศรัยของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค รทสช. ที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จะมีการกำชับอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บางครั้งท่านอาจจะเผลอพลั้งไปบ้างก็ขอโทษกันแล้วนี่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้คุยกันแล้วคุยกันมาโดยตลอด แต่บางทีก็อย่างว่าท่านไม่ได้พูดมาเสียนาน แต่ก่อนท่านก็พูดเก่งจะตายไป แต่ท่านไม่มีเจตนาที่จะพูดไม่ดีหรอก ที่ผ่านมาก็บอกกันแล้วว่าจะพยายามไม่ไปพูดอะไรที่ไปยุ่งกับพรรคอื่น อย่างตนก็ไม่เคยไปว่าหรือให้ร้ายใครโดยเฉพาะเรื่องของการหาเสียงตนจะพูดเฉพาะเหตุผลอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ อะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำ แต่ก็เห็นใจเขานะ ตนไม่ต้องเจอแต่ก็รู้ว่าน่าเห็นใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การปราศรัยของนายไตรรงค์มีการเชื่อมโยงถึงสถาบันจะต้องมีการตักเตือนหรือไม่เพราะมีผู้นำมาวิพากษ์วิจารณ์ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องเตือนกันไป ซึ่งก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด แต่บางครั้งมันก็หลุดออกไปคนเยอะๆบางทีก็หลุด
“ผมยอมรับว่าผมก็เครียดอยู่เหมือนกัน กลัวว่าจะหลุดเหมือนกัน ผมก็ระมัดระวังอย่างที่สุดในการที่จะพูดถึงเรื่องของสถาบันของประเทศไทยของเรานั้นมันไม่น่าจะผิด ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของเรา ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า แต่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มองว่าเขาข่ายลักษณะต้องห้ามในการปราศรัยหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ให้นายสมชัยเขาว่าไป เพราะเขาจับจ้องดูเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของศาลก็ว่ากันไป ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ ชูในการปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เพิ่มสิทธิ์บัตรสวัสดิการพลัส เป็น 1,000 บาทต่อเดือน
มั่นใจว่าทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องพิจารณาดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ เอางบประมาณมาจากที่ไหน ซึ่งภายในพรรคก็นำมาปรึกษาหารือกันแล้วมีหลายคนที่เกี่ยวข้องและมีความรู้ทางด้านนี้ เมื่อถามว่าหากรวมงบประมาณจะต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยอดทั้งหมดประมาณ 15 ล้านคน ก็อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งก็โอเคพอหาได้ เมื่อถามย้ำว่าเหมือนเป็นการเกทับพรรคอื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ ตนไม่ได้สนใจพรรคอื่น พรรคอื่นก็คือพรรคอื่น พรรคของตนก็คือพรรคของตน
เมื่อถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาก็เพราะพรรคพลังประชารัฐเสนอ 700 บาท แต่พรรครวมไทยสร้างชาติมาเสนอเป็น 1,000 บาท ถือเป็นการบลัฟกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ผมไม่ได้สน ผมไม่ได้ตั้งใจอะไรอย่างนั้น กับหัวหน้าพรรคอื่นผมก็สนิทกันดีอยู่แล้ว และรักกันดีอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของการหาเสียงซึ่งผมหาเสียงในสิ่งที่มันเป็นไปได้ ผมรู้ว่ามันบริหารอย่างไร เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องรู้กลไกและขั้นตอนของงบประมาณซึ่งต้องสนใจด้วยว่ามีอยู่เท่าไหร่
แต่ถ้าพูดปากเปล่าออกไปก็ดูสิ บางทีพอคูณตัวเลขแล้วก็ออกมาเป็นงบแสนแสนล้านบาท แล้วจะเอางบมาจากที่ไหนผมก็ไม่รู้ ผมไม่พูด” เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่านโยบายที่พูดออกไปมั่นใจทำได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบทันทีว่า “ก็มั่นใจนั่นไง เพราะผมได้ศึกษาและมีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนที่คุมงบประมาณอยู่ การเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่พูดแบบไม่มีหลักการมันพูดออกไปได้ที่ไหนเล่า”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีบางคนมองว่ามันเป็นการแจกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์เล็กน้อยว่า เขาเรียกว่ารัฐสวัสดิการมิใช่หรือ จะมาบอกว่าแจกได้อย่างไรเล่า บอกแล้วไงว่า 2 อย่างที่รัฐบาลต้องบริหารคือ ความเท่าเทียมของโอกาส เราถึงได้มีถนนหนทาง เส้นทางคมนาคมมากมาย เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อย่างประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย ถือเป็นการทำต่อนโยบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทุกคนก็เข้าใจดีอยู่แล้ว