
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามผลการปฏิบัติการปราบปรามและจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ ณ ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ท. กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 นางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อมาติดตามตรวจสอบการจับยาเสพติด ณ ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ซึ่งเป็นจุดที่นำเครื่องเอกซเรย์มาใช้ในการตรวจสอบยานพาหนะที่ต้องสงสัยลักลอบลำเลียงยาเสพติด ซึ่งผลการปฏิบัติในปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67 – 20 มี.ค. 68 ตรวจพบคดียาเสพติดรายสำคัญรวม 7 คดี ผู้ต้องหา 20 คน ของกลางคือยาเสพติด ยาบ้า 20,800,000 เม็ด ไอซ์ ประมาณ 700 กิโลกรัม คีตามีน 199 กิโลกรัม

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชม พร้อมขอบคุณ เจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ได้บูรณาการทำงานร่วมกัน จนสามารถจับกุมเคสใหญ่ ๆ และสามารถดำเนินการสืบไปถึงตัวการใหญ่ได้ ส่วนคดีไหนที่อยู่ต่างประเทศ ได้ขอความร่วมมือกับต่างประเทศด้วยแล้ว นอกจากนี้ ยังทราบว่ารถที่ขนยาเสพติดค่าจ้างเริ่มแพงขึ้น นั่นหมายความว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทำให้การขนส่งยาเสพติดเป็นไปได้ยากขึ้น ฉะนั้นค่าจ้างเลยสูงขึ้นอีก ส่งผลให้ยาบ้ามีราคาสูงตามไปด้วย รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งนโยบายสร้างขวัญกำลังใจให้คนทำงานเช่นกัน

นายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือประชาชน หากมีเบาะแสเรื่องยาเสพติด ขอให้รีบแจ้งตำรวจ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคง รวมทั้งขอความร่วมมือจากกระทรวงต่าง ๆ ช่วยกันบำบัดผู้ติดยาเสพ ให้สามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติ โดยรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดมีอาชีพเลี้ยงตนเองต่อไป

“ยาเสพติดคือภัยร้ายแรงของสังคมไทย คือความทุกข์ของพี่น้องประชาชน สำคัญที่สุด ยาเสพติดเป็นตัวทำลายอนาคตเยาวชนไทย กำลังสำคัญของประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติด ยกให้เป็นวาระแห่งชาติ และจะเดินหน้าต่ออย่างจริงจังเพื่อให้ปัญหายาเสพติดลงน้อยลงเรื่อยๆ จนหมดไปจากประเทศไทยโดยเร็ว ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานความมั่นคง และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต่างระดมสรรพกำลัง ทำงานอย่างหนักเพื่อปราบปรามยาเสพติด จับกุมเครือข่ายทั้งรายเล็กรายใหญ่ และป้องกันไม่ให้ยาเสพติดแพร่กระจายสู่ชุมชนและเยาวชนของประเทศ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความเสียสละและกล้าหาญ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมอุโมงค์เอกซเรย์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจสอบยานพาหนะ ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกรณีที่สงสัยว่ามีการลำเลียงยาเสพติด เครื่องเอกซเรย์จะช่วยตรวจหาและวิเคราะห์จุดซุกซ่อนของยาเสพติดภายในรถยนต์ เมื่อทำการสแกนเสร็จแล้ว ข้อมูลจะถูกส่งไปยังสถานีควบคุมเครื่องเอกซเรย์เพื่อทำการตรวจสอบและประมวลผล ผลลัพธ์นี้ จะช่วยในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดที่อาจจะถูกซุกซ่อนภายในยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม จากรายงานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดที่ได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร นบ.ยส.35 และ ป.ป.ส. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติด จำนวน 7 คดี ผู้ต้องหา 20 คน รถยนต์ของกลาง 14 คันของกลางยาเสพติดคือยาบ้า 20,080,000 เม็ด ไอซ์ 700 กก. และคีตามีน 199 กก. ประกอบด้วย คดีที่ 1 ปิดล้อมรวบ 2 เอเย่นต์ค้ารถ ขนยานรก 6,000,000 เม็ดจากพิษณุโลกสู่ภาคกลาง คดีที่ 2 สกัดจับแก๊งเหนือ ยึดยาบ้า 2,080,000 เม็ด ได้ผู้ต้องหา 4 คน คดีที่ 3 ขับหนีสุดชีวิตก่อนจนมุม ยึดยาบ้า 2 ล้านเม็ด รวบ 2 ผู้ต้องหา คดีที่ 4 สกัดจับกระบะขนไอซ์ 600 กิโล ฯ คดีที่ 5 จับยาบ้า 3,000,000 เม็ด บุกทลายเครือข่ายม้ง ขนจากเชียงแสน คดีที่ 6 บุกทลายเครือข่ายคีตามีนยึด 199 กก. รวบ 3 ผู้ต้องหาคารีสอร์ท จังหวัดเลย และคดีที่ 7 เครือข่ายนายแบงค์ชาติ (ไอซ์ 100 กก.ยาบ้า 6,400,000 เม็ด)

