“ทนายรณรงค์”ยื่นมือช่วย”โจ โหนกระแส”เชื่อตำรวจกลั่นแกล้งเรียกรับเงิน

จากกรณี นายภูวัต หรือ โจ โหนกระแส อายุ 24 ปี  ร้องผู้สื่อข่าวว่า ตกเป็นผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.นนทบุรี นำกำลังเข้าจับกุมตัวในบ้านพัก พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง และนางอุ๋ยวางแผนยัดยาเพื่อรีดทรัพย์จนไม่เหลือเงินติดบัญชี ทรัพย์สินเครื่องประดับเป็นทองรูปพรรณก็ถูกเอาไปด้วยจนหมดตัว เหลือเงินติดบัญชีแค่ 15 บาท จนกระทั่งตกเป็นข่าวโด่งดังและไปออกรายการโหนกระแส คดีอยู่ระหว่างดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาโจถูกนางสาวเนย แจ้งความดำเนินคดี ข้อหา กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เสียทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย แต่ตัวนายโจมีหลักฐานเป็นแชทข้อความยืนยันว่า ฝ่ายนางสาวเนยทักเฟซบุ๊กเข้ามา ก่อนพูดคุยและนั่งรถมาขออยู่ที่บ้านโจเอง โดยที่โจยืนยันว่า ไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวหรือทำร้าย หรือทำให้เสียทรัพย์ตามที่ฝ่ายหญิงสาวแจ้งความแต่อย่างใด พร้อมทั้งยืนยันว่าจะแจ้งความกลับเพื่อดำเนินคดีกับนางสาวเนยในข้อหาแจ้งความเท็จเช่นกัน

ล่าสุดนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของนายโจ เป็นบ้านหลังเดี่ยว เนื้อที่ 500 ตารางวา ก่อนถึงท่าน้ำหอนาฬิกา โดยนายรณรงค์ ได้สอบถามเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันแรก นายโจก็ได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียด นายรณรงค์ฟังแล้วเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายโจไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกกลั่นแกล้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งฝ่ายของนางอุ๋ยกับนายเต๋า ส่วนตัวรู้สึกว่านายโจกับปีโป้และเพื่อนๆอาจไม่ได้รับความปลอดภัยในช่วงนี้ จึงได้พาตัวนายโจและเพื่อนๆ ขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่กองปราบปรามทันที

จากนั้นจะนัดหมายแล้วพาตัวไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพราะคดีนี้มีหลักฐานอย่างแน่นหนาทั้งแชทไลน์ ข้อความสลิปการโอนเงิน รวมทั้งการทำงานที่ไม่โปร่งใสของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานด้วยความเป็นธรรมคดีนี้คงไม่ยาก ที่จะนำตัวคนทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันนี้ นายรณณรงค์ แก้วเพชร ได้พานายโจและพยานบุคคลอีก 4 คนเดินทางไปแจ้งความที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพื่อให้ตำรวจปปป.ช่วยสอบไว้เป็นพยานโดยระหว่างเดินทางไปกองปราบปรามนายโจได้ถือรูปถ่ายพ่อที่ล่วงลับไปแล้วบอกกับพ่อว่า จะทำเพื่อพ่อและจะทำเพื่อบ้านของเราให้พ่อช่วยเป็นกำลังใจให้

นายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ได้พานายโจและพยานเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีที่กองปราบ และตำรวจปปป.เหตุผลที่ต้องมาในวันหยุดเนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของประจักษ์พยานที่รู้เห็นเกี่ยวกับการส่งมอบทรัพย์สินของกลางให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและมีรถไม่ทราบทะเบียนคอยขับตาม หรือบางคนมาชวนให้พยานขึ้นรถ อาจจะเกิดอันตรายต่อพยาน เลยอยากให้ตำรวจปปป.สอบเป็นพยานก่อน หลังจากนี้ทางตำรวจปปป.จะส่งเรื่องให้กับทางปปช.และถ้าปปช.ส่งกลับมาก็จะตั้งสำนวน ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เวลามีปัญหากับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจปปป.เป็นอีกหนึ่งหน่วยงาน ที่จะให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ เราจึงได้มาติดต่อในวันนี้ ตนได้ลงไปดูที่เกิดเหตุ บ้านของนายโจด้วยตัวเองว่าเกิดเหตุอะไรกันแน่ ได้ข้อมูลมาอีก 1 ชุดเรื่องนี้วุ่นวายมาก แต่หลักเลยคืออะไรที่ไม่ใช่ทรัพย์สินของเราอย่าไปเอาของของคนอื่นเขา หลังจากแจ้งที่ตำรวจปปป.วันนี้แล้ว ต้องไปที่ตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อตามผลเรื่องวินัย แล้วตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือธนาคารเพราะมันมีภาพมีธุรกรรมบางก้อนที่เป็นเงินมหาศาลต้องขอจากทางธนาคารเพื่อมาประกอบกัน ตำรวจจะโดนหนักสุดว่า มีการรับเงินจริงไหม เพราะว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถเรียกรับผลประโยชน์ จากประชาชนได้ ตรนห่วงนายโจจะโดนอุ้ม อยากจะฝากบอกเวลาเจ้าหน้าที่จับผู้กระทำผิดมายังไงให้แจ้งข้อหาตามนั้นไม่ใช่จับมาอีกอย่างแล้วแจ้งข้อหาอีกอย่างเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ มีหลายคดีที่เรียกรับประโยชน์แล้วไม่มีหลักฐานชี้ชัดแต่คดีนี้มันมีพยานบุคคลยืนยันว่ามีการส่งมอบทรัพย์ ฉะนั้นต้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ ตรวจสอบเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมเรื่องดังกล่าว

Message us